แนะนำ 10 ไฮยาลูรอน ยี่ห้อไหนดี 2020 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำวาว ดูอิ่มน้ำตลอดวัน
ถ้าพูดถึงเทรนด์การแต่งหน้าที่กำลังเป็นที่นิยมในพ.ศ.นี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก การแต่งหน้าแบบผิวกระจก หรือ Glass Skin เป็นการแต่งหน้าแบบเผยผิวฉ่ำวาว อิ่มน้ำ จนเงาวับเหมือนกระจก แต่การที่จะแต่งหน้าลุคนี้ได้การบำรุงผิวจะต้องจัดเต็มมากจริง ๆ ค่ะ ไม่อย่างนั้นแต่งอย่างไรก็ไม่ Glassy ดั่งใจหวังสักที แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ วันนี้เรามาแนะนำตัวช่วยดี ๆ ที่จะมาช่วยให้ผิวของเราเผยความฉ่ำวาวดั่งกระจก แถมยังช่วยให้ผิวหน้าดูเต่งตึง เนียนใส จนดูอ่อนเยาว์ลงได้อีกด้วย นั่นก็คือ “ไฮยาลูรอน”
ต้องยกให้เป็นสกินแคร์ที่กำลังมาแรงมากถึงมากที่สุด เพราะมีหลายแบรนด์ที่ออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับไฮยาลูรอนมาให้เราได้เลือกสรรกันเยอะแยะมากมาย มีทั้งในราคาที่น่ารักจับต้องได้ หรือจะเป็นราคาสูงจนต้องขยี้ตาดูอีกทีว่า นี่ฉันตาฝาดไปรึเปล่านะ แต่รับรองคุณภาพได้ว่าดี เพราะเราคัดสรรผลิตภัณฑ์ไฮยาลูรอนมาแบบเน้น ๆ ทั้งตัวที่เป็น Pure Hyaluronic Acid ที่ใช้ผสมสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ได้ และเซรั่มไฮยาลูรอนที่มีส่วนผสมอื่น ๆ เพิ่มเติม ไปดูกันเลยค่ะ
อยากอ่านตรงไหน กดได้เลย
ไฮยาลูรอน คืออะไร ?
เพื่อน ๆ รู้รึเปล่าว่า ที่จริงแล้วเจ้าไฮยาลูรอนเป็นส่วนผสมที่มีอยู่ในสกินแคร์หรือเครื่องสำอางมานานแล้วค่ะ เพียงแต่จะมาในอีกชื่อที่ถ้าบอกไปแล้วทุกคนจะต้องร้องอ๋อกันเลยทีเดียว ไม่รอช้าแล้วค่ะ เรามาทำความรู้จักไฮยาลูรอนกันดีกว่า
….
ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid)
หรือที่เรามักจะเห็นปรากฏอยู่บนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ว่า HA ซึ่งเจ้าสารตัวนี้เป็นสารตามธรรมชาติที่เรามีอยู่ในร่างกายค่ะ เป็นโมเลกุลของน้ำตาลและมีความสำคัญต่อเซลล์ในร่างกายเราค่ะ ในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนัก 70 กิโลกรัม ก็จะมีไฮยาลูรอนิค แอซิดอยู่ประมาณ 15 กรัม โดยส่วนหนึ่งจะอยู่ในเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย ทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่นบริเวณข้อต่อ ช่วยลดแรงกระแทก แรงเสียดทาน
และอีกส่วนหนึ่งก็จะไปอยู่ที่ผิวหนังของเราค่ะ มีหน้าที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดี เพราะมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ หากเพื่อน ๆ นึกไม่ออก ให้ลองนึกถึงฟองน้ำได้เลยค่ะ และที่สำคัญ HA เพียง 1 กรัม สามารถอุ้มน้ำได้มากถึง 6 ลิตร หากนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงตอนที่เรานำฟองน้ำไปจุ่มในชามที่มีน้ำอยู่ แล้วน้ำทั้งหมดก็ถูกดูดไปอยู่ในฟองน้ำจนเกลี้ยงชาม นั่นคือสิ่งที่ไฮยาลูรอนทำอยู่ภายใต้ชั้นผิวของเราค่ะ มีคนเปรียบว่า Hyaluronic Acid เป็นเหมือนอ่างเก็บน้ำให้กับผิวหนังเลยล่ะค่ะ
ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ HA เป็นสารบำรุงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวที่ได้รับความนิยมในการนำมาเป็นส่วนผสมในสกินแคร์เป็นอย่างมากนั่นเองค่ะ และเจ้าไฮยาลูรอนก็ยังสามารถแบ่งเป็นประเภทย่อย ๆ ได้อีกถึง 3 ประเภทเลย โดยแต่ละประเภทก็จะมีความสามารถในการซึมซาบสู่ชั้นผิวที่แตกต่าง แต่ละประเภทจะเป็นอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
High – Molecular – Weight – HA : ตัวแรกจะเป็น HA ที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ที่สุด มีความสามารถในการเป็นเกราะป้องกันผิวจากการสูญเสียน้ำและความชุ่มชื้น และยังเป็นตัวกลางที่จะช่วยนำ Active Ingredients ที่สามารถละลายน้ำได้จากสกินแคร์ เช่น วิตามินต่าง ๆ ให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ
Low – Molecular – Weight – HA : ตัวนี้มีขนาดโมเลกุลที่เล็กลงมา แต่ก็ถือว่ายังมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ ทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้มากกว่า HMW – HA เล็กน้อย ส่วนใหญ่จะอยู่ที่บริเวณชั้นผิวหนังกำพร้า
Ultra – Low – Molecular – Weight – HA : เป็น HA ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุดค่ะ และแน่นอนว่าตัวนี้จะสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีกว่า HMW -HA แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยที่ออกมายืนยันว่าสามารถซึมลงไปได้ลึกขนาดไหนค่ะ และ HA ตัวนี้ยังมีฤทธิ์ในการต้านอาการอักเสบของผิวได้ด้วยค่ะ
และยังสามารถแบ่งตามการใช้งานได้อีก 2 ประเภท ดังนี้ค่ะ
Cross – linked HA : Hya Filler เป็น HA ที่ทำหน้าที่เป็นสารเติมเต็ม สามารถคงตัวอยู่ใต้ผิวหนังได้นาน นิยมใช้ในการเติมเต็มริ้วรอย และปรับรูปหน้า หรือที่เพื่อน ๆ รู้จักในนาน ฟิลเลอร์ นั่นเองค่ะ
Non Cross – linked HA เป็น HA ในประเภท Humectants ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้น พร้อมกับเติมน้ำให้ผิว แต่จะสลายตัวได้เร็วกว่า Cross – linked HA เยอะเลยค่ะ ตัวนี้จะเป็นจำพวกสารบำรุงสำหรับทาผิว
แต่เมื่อร่างกายของเรามีอายุที่มากขึ้นและบวกกับปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ทำให้ร่างกายผลิตไฮยาลูรอนิค แอซิด ได้น้อยลง ซึ่งเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ผิวเริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่น นั่นก็เป็นเพราะว่าผิวของเราขาดความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นไปแล้วค่ะ ทำให้ผิวดูไม่เต่งตึงเหมือนตอนที่ยังอายุ 15 หรือใครที่ยังอายุไม่เยอะ แต่ไม่ค่อยได้ดูแลผิวก็จะทำให้ผิวดูแก่กว่าวัยได้เลยล่ะค่ะ
….
โซเดียม ไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate)
หลาย ๆ คนจะต้องกำลังสงสัยอยู่แน่ ๆ เลยใช่มั้ยคะ ว่า Hyaluronic Acid กับ Sodium Hyaloronate ทั้งสองตัวนี้เป็นตัวเดียวกันหรือไม่ ? แล้วแตกต่างกันยังไง ? สารสองตัวนี้สามารถเรียกได้ว่า เป็นลูกพี่ลูกน้องกันได้เลยค่ะ เพราะ HA ถึงแม้ว่าร่างกายเราสามารถผลิตเองได้ แต่ความสามารถในการผลิตก็ลดลงสวนทางกับอายุของเราที่เพิ่มขึ้น จึงมีการวิจัยและพัฒนาสารที่สามารถทดแทน HA ได้ และนั่นก็คือ แท่น แทน แท๊น Sodium Hyaluronate ตัวนี้นี่เองค่ะ สารตัวนี้ให้ผลลัพธ์ได้เหมือน Hyaluronic Acid เลยค่ะ แถมยังมีขนาดโมเลกุลที่เล็กกว่ามาก ทำให้สามารถซึมลงลงสู่ชั้นผิวของเราได้อย่างล้ำลึกเลยทีเดียว และปลอดภัยต่อร่างกายเราอย่างแน่นอนค่ะ
…..
ไฮยาลูรอนมีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร ?
ไฮยาลูรอนเป็นสารบำรุงที่จัดอยู่ในหมวดของ สารให้ความชุ่มชื้น (Moisturizers) โดยทั่วไปสารให้ความชุ่มชื้นก็จะแบ่งเป็นประเภทย่อย ๆ ได้อีก และแต่ละประเภทก็จะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันออกไป ก่อนที่เราจะไปดูกันว่าไฮยาลูรอนมีประโยชน์ต่อผิวของเราอย่างไรบ้าง อยากให้เพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จักกับกลุ่มสารให้ชุ่มชื้นก่อนว่ามีอะไรบ้าง แล้วเจ้าไฮยาลูรอนของเราจะอยู่ในกลุ่มไหนกันนะ มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
Occlusives : สารปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน
Humectants : สารที่ช่วยดูดซับ
Emollients : สารเคลือบผิวชั้นนอก
Miscellaneous : สารเติมเติม
Hyaluronic Acid ที่อยู่ในผิว จะอยู่ในรูปของ Moisturizers ประเภท Humectants ที่ทำหน้าที่ดูดซับน้ำเข้าสู่ชั้นผิว ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู นุ่มนิ่ม และ Emollients ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้สูญเสียน้ำออกไปจากผิวนั่นเองค่ะ ไฮยาลูรอน ถือว่าเป็นว่ากุญแจสำคัญสำหรับการที่จะมีผิวที่สุขภาพดีเลยค่ะ นอกจากความสามารถในการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเป็นหลักแล้ว HA ยังสามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวของเรานุ่มเด้งเหมือนแก้มเด็กเลยล่ะค่ะ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาผิวที่เกิดจากการอับเสบ และยังช่วยกระตุ้นให้ผิวที่ถูกทำลายจากปัจจัยต่าง ๆ ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ และสุดท้ายช่วยเติมเต็มร่องของริ้วรอยบนผิวหน้าให้ตื้นขึ้น นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลาย ๆ คนจะต้องตกหลุมรักไฮยาลูรอน จนต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งอย่างขาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ
….
ตารางสรุปข้อมูลไฮยาลูรอนแบบรวบรัด
…..
แนะนำ 10 ไฮยาลูรอน ยี่ห้อไหนดี 2020 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำวาว ดูอิ่มน้ำตลอดวัน
หลังจากได้รู้จักที่มาที่ไปของไฮยาลูรอนเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาชมสิ่งที่น่าสนใจกันแล้วล่ะค่ะ มาดูกันว่าไฮยาลูรอน 10 ตัวที่เราคัดมา จะมีตัวไหนควรค่าแก่การละลายเงินในกระเป๋าบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
▼▼ ไฮยาลูรอน TARTE Mermaid Skin™ Hyaluronic H2O Serum▲▲
….
…..
เพื่อน ๆ รู้มั้ยคะว่า Tarte ไม่ได้มีแค่เครื่องสำอางเท่านั้น แต่ยังมีสกินแคร์ด้วยเช่นกันค่ะ หลายคนมักจะคิดว่าสกินแคร์ที่ไม่ได้มาจากแบรนด์ที่ทำสกินแคร์โดยเฉพาะ จะต้องไม่ดีแน่ ๆ แต่ Hyaluronic H2O Serum ตัวนี้จะทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดไปเลยค่ะเพราะรับประกันได้ด้วยยอดรีวิวจากผู้ใช้จริงที่บอกว่า ดีเยี่ยม ! ใช้แล้วผิวชุ่มฉ่ำ แถมยังรู้สึกสดชื่น และกลายเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวโปรดของสาว ๆ หลายคน ที่สำคัญเป็นเนื้อเจล ทาง่าย สบายผิว สาวผิวมันเลิฟแน่นอนค่ะ
นอกจาก HA ที่เป็นนางเอกของเซรั่มขวดนี้ ทางแบรนด์ก็ยังใส่สารบำรุงตัวอื่นเพิ่มเข้ามาให้ด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Calcium Pantothenate หรือกรดวิตามินบี 5 ที่มาช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของเราอีกแรง และยังมี Algae and Marine Extract สารสกัดจากสาหร่ายทะเล ที่นอกจากจะสามารถช่วยเติมน้ำให้ผิวแล้ว ยังเป็นสารให้ความชุ่มชื้นในกลุ่ม Emollients ที่สามารถเคลือบผิวของเราไม่ให้สูญเสียน้ำได้อีกด้วยค่ะ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยให้ผิวดูอ่อนเยาว์เหมือนนางเงือกสาวแสนสวยเลยล่ะค่ะ
ราคา | 1,500 บาท |
ขนาด | 50 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 30 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | Calcium Pantothenate, Algae and Marine Extract |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✘ |
สารกันเสีย | Phenoxyethanol |
▼▼ ไฮยาลูรอน The Sun Society Hyaluronic Acid ▲▲
….
….
ถ้าพูดถึงไฮยาลูรอน เราจะไม่พูดถึงเจ้าขวดจิ๋วสีม่วงตัวนี้ไม่ได้เลยค่ะ เพราะเรียกได้ว่าเป็นผู้ปลุกกระแสการใช้ Hyaluronic Acid แบบเพียว ๆ ในการบำรุงผิวเลย น้องคนนี้ฮอตฮิตเป็นอย่างมากจนแทบจะกลายเป็นของฝากจากญี่ปุ่น ที่ต้องฝากเพื่อนหิ้วกันรัว ๆ และตอนนี้สามารถหาซื้อในประเทศไทยได้แล้วค่ะ ใครที่กำลังมองหาไฮยาลูรอนที่ราคาไม่แรง ทางเราขอแนะนำตัวนี้เลยค่ะ และขอแอบกระซิบว่า ตัวนี้เป็นไฮยาลูรอนสารพัดประโยชน์ บำรุงได้ทั้งตัว จะไม่ลองสักขวดไม่ได้แล้วนะคะ
เห็นขวดเล็กแบบนี้ขอบอกเลยค่ะว่า ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะมี HA สูงถึง 95% ซึ่งตัวนี้ทางแบรนด์ทำออกมาเพื่อให้สามารถนำไปผสมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม และหากรองพื้นหรือลิปจิ้มจุ่มที่มีเนื้อแห้งมากเกินไป เราสามารถเอาน้องคนนี้ไปผสมได้เลย รองพื้นก็จะมีความฉ่ำวาวมากขึ้นและลิปก็จะไม่แห้งจนตกร่องนั่นเอง หรือจะใช้แทนลิปบำรุงปากก็ได้อีกเช่นกันค่ะ
ถ้าเพื่อน ๆ กำลังลังเลว่าจะซื้อไฮยาลูรอนตัวนี้ดีหรือไม่ เพราะเห็นขนาดนั้นแล้วก็เกิดอาการเสียดายเงินกับขนาดที่ใหญ่กว่านิ้วก้อยของเรานิดเดียว จะใช้ได้สักกี่วันกันเชียว ขอบอกเลยว่า ใช้ได้นานแน่นอนค่ะ เพราะเราจะใช้แค่ครั้งละ 1 หยดเท่านั้น และตัวนี้สามารถใช้รวมกับสกินแคร์ตัวอื่น ๆ เพื่อความปังได้เลยนะคะ
ราคา | 260 บาท |
ขนาด | 10 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 26 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | ✘ |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✓ |
สารกันเสีย | Phenoxyethanol |
▼▼ ไฮยาลูรอน This Works Morning Expert Hyaluronic Serum ▲▲
…..
ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาเซรั่มสำหรับทาตอนเช้า เราของฝากน้องคนนี้ไว้ในพิจารณาสักหนึ่งตัวนะคะ เพราะตัวนี้เป็นเซรั่ม Hyaloronic Acid 2% ที่สำคัญยังมี Ascorbyl Glucoside หรือวิตามินซีมาช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิวของเราอีกด้วย ทาหลังล้างหน้าในตอนเช้า รับรองว่าจะได้สัมผัสกับความสดชื่นจากกลิ่นส้มอ่อน ๆ ปลุกผิวให้เฟรชพร้อมสำหรับการออกไปเฉิดฉายที่ทำงานเลยล่ะค่ะ
นอกจากนี้ยังมี Marrubium Vulgare Extract สารสกัดจากพืชตระกูลมิ้นท์ ที่จะช่วยลดอาการอักเสบหรือระคายเคืองของผิวให้ดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวที่ไหม้จากการโดนแดดได้อีกด้วยค่ะ และยังมี Albizia Julibrissin Bark Extract สารสกัดจากสมุนไพรจีน ตัวนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยชะลอความชราให้ผิวเราอีกแรงนั่นเองค่ะ สาว ๆ หลายที่ได้ลองใช้เซรั่มตัวนี้ ซื้อซ้ำหลอดที่ 2 3 4 กันหมดเลยค่ะ เพราะประทับใจในความหน้านุ่ม หน้าเด้ง และผิวกระจ่างใส เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องรอยฝ้าก็ดูจางลงด้วย ผิวเด็กอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมจริง ๆ ค่ะ
ราคา | 1,621 บาท |
ขนาด | 30 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 54.03 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | Ascorbyl Glucoside, Albizia Julibrissin Bark Extract, Marrubium Vulgare Extract, Phytic Acid |
แอลกอฮอล์ | ✓ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
สารกันเสีย | Phenoxyethanol |
……
▼▼ ไฮยาลูรอน Cerave Hydrating Hyaluronic Acid Serum▲▲
….
มาต่อกันที่ Cerave เป็นแบรนด์ที่ค้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเลยค่ะ และเป็นแบรนด์ที่ทำสกินแคร์สำหรับเติมความชุ่มชื้นแก่ผิวโดยเฉพาะ ดังนั้นแบรนด์นี้จะเหมาะกับคนที่ผิวแห้งเป็นพิเศษ แต่สภาพผิวอื่น ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่น ไม่ต้องน้อยใจไปค่ะ เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า Cerave Hydrating ตัวนี้ดีอย่างไรบ้าง
นอกจาก HA ที่มาเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทางแบรนด์ก็ได้วิจัยมาเป็นอย่างดีว่าจะขาดสิ่งสำคัญที่จำเป็นต่อผิวอย่าง Ceramides ไปไม่ได้ จึงจัดมาให้แบบเน้น ๆ ถึง 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ เซราไมด์ 1, 3, และ 6-II ทั้งหมดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า หากผิวของเราขาด 3 ตัวนี้ไปจะทำให้ผิวแห้ง แดง และรู้สึกไม่สบายผิวนั่นเอง มาพร้อมกับ Panthenol หรือวิตามินบี 5 ที่มาช่วยปลอบประโลมผิวและลดอาการระคายเคือง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ ยังมี Phytosphingosine สารสกัดจากยีสต์เจ้าตัวนี้จะลดความมันและช่วยยับยั้งการเกิดสิวได้ด้วยค่ะ
ความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพราะ Cerave เขามีเทคโนโลยีสุดพิเศษ นั่นก็คือ Multi-Vesicular Emulsion (MVE) ลิขสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ที่จะช่วยให้สารบำรุงที่เราทา ซึมเข้าสู่ผิวหนังแต่ละชั้นได้อย่างล้ำลึกและยาวนานตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ ทั้งช่วยเติมและช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นให้แก่ผิว 2in1 แบบนี้ต้องจัดสักขวดแล้วค่ะ
ราคา | 585 บาท |
ขนาด | 30 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 19.5 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | Ceramide-3, Panthenol, Phytosphingosine |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✘ |
สารกันเสีย |
Phenoxyethanol, Ethylhexylglycerin
|
▼▼ ไฮยาลูรอน Graymelin Hyaluronic Serum▲▲
….
ช้อปออนไลน์ได้ที่ LAZADA…..
มาดูไฮยาลูรอนฝั่งเกาหลีกันบ้างค่ะ ตัวนี้โด่งดังมากในทวิตเตอร์จนต้องพรีออเดอร์กันรัว ๆ เลยทีเดียวค่ะ ตัวนี้เป็น Pure Hyaluronic Acid เลยนะคะ ไม่มีสารอื่นเจือปน มาในขวดที่เรียบ ๆ สบายตา วางบนโต๊ะเครื่องแป้งก็สวยเก๋ไม่เบาเลยล่ะค่ะ และถ้าใครชอบอะไรที่มีความบางเบา ทาง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ จะต้องรักตัวนี้แน่อน เพราะเนื้อบางเบามากจริง ๆ ทาแล้วซึมลงไปผิวไปเลยค่ะ
แน่นอนว่าตัวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้าของเราอย่างเต็มเปี่ยม เพราะมี HA มาเต็มขวด หลายคนที่ลองใช้บอกเป็นเสียงเดียวกัยเลยค่ะว่า “ใช้แล้วชอบมาก ผิวชุ่มชื้นและกระชับขึ้น รูขุมขนก็ดูเล็กลง” ผิวหน้าที่เคยแห้งกร้านจนรองพื้นไม่เกาะหน้า กลับมานุ่มชุ่มชื้น ที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แม้ว่าจะเป็นคนผิวแพ้ง่าย หากเป็นคนผิวแห้งทางเราขอแนะนำว่า ให้ใช้ควบคู่ไปกับสกินแคร์ตัวอื่นด้วยนะคะ ให้เลือกตัวที่สามารถเคลือบผิว เพราะจะช่วยเก็บกักน้ำให้อยู่บนได้มากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ และด้วยความที่เป็น Pure Hyaluronic Acid เพื่อน ๆ สามารถนำไปผสมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้เลยนะคะ
ราคา | 490 บาท |
ขนาด | 50 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 9.8 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | ✘ |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✘ |
สารกันเสีย | 1,2-Hexanediol |
…..
▼▼ ไฮยาลูรอน The Ordinary Hyaluronic Acid 2% + B5 ▲▲
….
ช้อปออนไลน์ได้ที่ LAZADA…..
ขยับมาที่ไฮยาลูรอนสัญชาติแคนาดาอย่าง The Ordinary กันค่ะ ตัวนี้ก็โด่งดังมาจากทวิตเตอร์เช่นกัน ด้วยความที่เป็นสกินแคร์ที่มีสารบำรุงเข้มข้น อีกทั้งราคาก็ไม่แพงก็เลยซื้อใจสาวไทยไปได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว แต่ว่าไม่ได้นะคะ ถึงแม้ว่าจะไม่แพง แค่คุณภาพก็ไม่ธรรมดาที่สำคัญเราสามารถเลือกได้เลยค่ะว่า เราต้องการบำรุงด้านไหนเป็นพิเศษ เพราะสกินแคร์แบรนด์นี้เขามีหลายสูตรมาก ๆ เลย ส่วน The Ordinary Hyaluronic Acid ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวที่หลายคนใช้แล้วต้องบอกต่อ เพราะผิวชุ่มชื้น ดูฉ่ำน้ำอย่างเห็นได้ชัด ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วล่ะค่ะ
ทางแบรนด์ให้ HA มา 2% เพื่อน ๆ อย่าพึ่งคิดว่าน้อยไปรึเปล่า ในความเป็นจริงแล้วแค่ 2% ก็นับว่าเพียงพอต่อผิวของแล้วล่ะค่ะ นอกจากช่วยเติมความชุ่มชื้น ก็ยังมี Panthenol หรือวิตามินบี 5 ที่จะมาเป็นเกราะป้องกันผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น และยังช่วยปลอบประโลมผิวจากอาการอักเสบได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมี Ahnfeltia Concinna Extract หรือสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ตัวนี้จะช่วยเสริมให้ HA ซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดียิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
ราคา | 299 บาท |
ขนาด | 30 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 9.9 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | Panthenol, Ahnfeltia Concinna Extract |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✘ |
สารกันเสีย | Phenoxyethanol |
…..
▼▼ ไฮยาลูรอน Some By Mi H7 Hydro Max Cream (Hyaluronic Acid Hepta System) ▲▲
….
กลับมาที่แดนโสมกันอีกสักตัวกับเจ้า Some By Mi H7 Hydro Max Cream ตัวนี้จะเป็นการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างเต็ม Max ! กันเลยทีเดียวค่ะ เพราะตัวนี้อัดแน่นไปด้วย Hyaluonic Acid มากถึง 7 โมเลกุล (H7) และยังมีสารสกัดจากพืชอีกถึง 21 ชนิด และตัวนี้พิเศษกว่าเพื่อนตรงที่มีส่วนผสมจากน้ำทะเลลึก จากแหล่งที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และมีคุณภาพระดับโลกด้วยล่ะค่ะ โอ้โห ใส่มาเยอะขนาดนี้ ราคาจะขนาดไหนกันนะ ร้องโอ้โหอีกทีได้เลยค่ะ เพราะราคาดีมาก จ่ายแบงค์พันมีทอน เอาไปชอปอย่างอื่นได้รัว ๆ ค่ะ
เรามาดูความพิเศษของ H7 กันค่ะ อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่า HA มีหลายโมเลกุล และแบรนด์นี้ก็ได้รวบรวมทุกโมเลกุลมาให้เราแล้ว ดังนั้นตัวนี้เราจะได้ทั้งการบำรุงจากภายใน และการปกป้องผิวที่ภายนอก ไม่ต้องกังวลว่าครีมที่ทาลงไปจะเคลือบอยู่แค่บนผิว เพราะ HA แต่ละโมเลกุลที่เราทาลงไปจะสามารถซึบเข้าสู่แต่ละชั้นได้อย่างล้ำลึก รับรองว่าผิวของเราจะได้รับการเติมเต็มจนเอิ่บอิ่ม และกระชับขึ้นอย่างแน่นอน อีกหนึ่งส่วนประกอบที่เป็นจุดขายก็คือ น้ำทะเลลึกอุลลึงโด ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประสิทธิภาพในการรักษาผิวที่มีอาการแพ้ และยังมีแร่ธาตุอีกมากมายที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วยนะคะ
ตัวนี้วัยรุ่นใช้ได้วัยผู้ใหญ่ใช้ดีจริง ๆ ค่ะ เพราะมี Niacinamide หรือวิตามินบี 3 ที่มีสรรพคุณมากมาย ทั้งลดเลือนริ้วรอยและยับยั้งการเกิดสิว และ Persea Gratissima (Avocado) Oil สารสกัดจากน้ำมันอะโวคาโด เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นบนผิวได้ด้วยค่ะ หากสาวคนไหนมีปัญหาเรื่องการแต่งหน้าไม่ติด แต่งแล้วเป็นคราบ ขอแนะนำให้ลองตัวนี้เลยค่ะ เพราะมีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นมห้แก่ผิวได้มากถึง 66% และมีอัตราการสูญเสียความชุ่มชื้นระหว่างแต่งหน้าน้อยมาก ที่สำคัญตัวนี้ซึมเร็วมาก ไม่ต้องห่วงว่าจะทิ้งความมัน หรือเหนอะหนะผิวเลยค่ะ
ราคา | 450 บาท |
ขนาด | 50 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 9 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | Sea Water, Niacinamide, Persea Gratissima (Avocado) Oil |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
สารกันเสีย | Ethylhexylglycerin |
……
▼▼ ไฮยาลูรอน La Roche Posay Hyalu B5 Serum ▲▲
….
…..
มาดูแบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มองไปทางไหนก็เจออย่าง La Roche Posay กับเจ้า Hyalu B5 ตัวนี้เป็น Hyaluronic Acid ที่มาพร้อมกับวิตามินบี 5 และส่วนประกอบสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ น้ำแร่ธรรมชาติจากเทือกเขาในฝรั่งเศส ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อผิว ที่ว่ากันว่าสามารถรักษาโรคทางผิวหนังได้ด้วยค่ะ แต่เราไม่ต้องบินไปถึงฝรั่งเศสเพื่อหาน้ำแร่มาบำรุงผิว เพราะ La Roche Posay จัดมาให้แล้ว เราแค่เปิดขวด ทาลงใบหน้า ก็สามารถผิวดีได้โดยไม่ต้องบินไปไหนไกลเลยค่ะ
Hyalu B5 ตัวนี้ใส่ HA มาให้ทั้งโมเลกุลเล็ก (Hyaluron Low Molecular Weight)ที่จะซึบลึกลงสู่ชั้นผิว เพื่อเติมเต็มให้ผิวกระชับ และโมเลกุลใหญ่ (Hyaluron High Molecular Weight)ที่จะช่วยเก็บกักความชุ่มชื้น ให้ผิวดูเปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ และยังมีวิตามินบี 5 ที่ช่วยปราการปกป้องผิว รวมไปถึง Tocopherol หรือวิตามินอี ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และป้องกันผิวไม่ให้ถูกรังสี UV ทำร้าย ปิดท้ายด้วย Madecassoside สารสกัดจากใบบัวบก ที่ไม่ได้มาช่วยแก้ช้ำอกช้ำใจ แต่มาช่วยลดการอักเสบของผิว และช่วยลดการเกิดสิวนั่นเองค่ะ
ราคา | 1,425 บาท |
ขนาด | 30 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 47.5 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | Madecassoside, Tocopherol, Panthenol |
แอลกอฮอล์ | ✓ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
สารกันเสีย | Phenoxyethanol |
……
▼▼ ไฮยาลูรอน Novexpert Booster Serum With Hyaluronic Acid ▲▲
….
…..
ยังคงวนเวียนที่แบรนด์ฝรั่งเศสกันนะคะ มาดูเวชสำอางของดีจากแดนน้ำหอมอีกสักตัว แบรนด์นี้หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่นัก แต่เขาแอบขายดีนะจ๊ะ แบรนด์คิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร นักเคมี และแพทย์ผิวหนัง นับว่าเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจอีกหนึ่งแบรนด์เลยล่ะค่ะ เพราะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และไม่มีการทดลองกับสัตว์ด้วย ที่สำคัญไม่มีสารกันเสีย แต่แอบมีน้ำหอมมานิด ๆ สงสัยจะกลัวเสียงชื่อเมืองน้ำหอมแน่เลยค่ะ คนผิวแพ้น้ำหอมอาจจะต้องระวังตรงนี้นิดนึงนะคะ อย่างไรก็ตาม หากเป็นคนชอบกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตัวนี้ตอบโจทย์เลยค่ะ
มาดูที่ส่วนผสมกันบ้าง ตัวนี้มี HA เข้มข้น 1.6% ทั้งหมด 4 โมเลกุลค่ะ สามารถเข้าไปเติมความชุ่มชื้นให้ผิวแต่ละชั้นได้อย่างล้ำลึกแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ยังมี Phytic Acid กรดไฟติกที่พบได้ในพืชตระกูลถั่ว ตัวนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมาก ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวไม่ให้ดูแก่กว่าวัย และยังสามารถช่วยควบคุมการเกิดเม็ดสี ช่วยปรับผิวให้ดูสว่างขึ้น ที่สำคัญ ยังมี Polysaccharide Complex เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้าง Hyaluronic Acid อีกด้วย
และยังมี Lactobacillus Ferment เอ…ชื่อคุ้นหูกันมั้ยคะ เหมือนว่าเคยได้ยินจากที่ไหน คล้าย ๆ ว่าจะเป็นในนมเปรี้ยว ถูกต้องค่ะ ตัวเดียวกันเลย ตัวนี้เป็นจุลินทรีย์ที่สามารถเข้าไปฟื้นฟูผิวของเราได้ถึงระดับ DNA และยังช่วยยับยั้งการเกิดแบคทีเรียที่ไม่จำเป็นได้ด้วยนะคะ และสุดท้ายมั่นใจว่าเราจะต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับ Aloe Barbadensis Leaf Juice หรือสารสกัดจากว่านหางจระเข้นั่นเอง ตัวนี้แน่นอนว่าช่วยปลอมประโลมผิวจากการอักเสบ และช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของเราค่ะ
ราคา | 1,790 บาท |
ขนาด | 30 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 60 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | Phytic Acid, Lactobacillus Ferment, Aloe Barbadensis Leaf Juice |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
สารกันเสีย | ✘ |
……
▼▼ ไฮยาลูรอน AMPLE:N Serum Hyaluron Shot Ampoule ▲▲
….
…..
ปิดท้ายกันด้วย Hyaluron Shot Ampoule ของ AMPLE:N ใครอยากมีผิวหน้าที่เด้งดึ๋ง ชุ่มฉ่ำแบบสาวเกาหลี ห้ามพลาดเลยค่ะ เพราะขวดนี้มี Hyaluronic Acid มากถึง 7 ชนิด และด้วยความที่เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้สามารถซึมซาบสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยปรับสมดุลน้ำในชั้นผิว ไม่ต้องแปลกใจเลยค่ะถ้าใช้ตัวนี้แล้วจะรู้สึกว่า ผิวเปล่งปลั่ง ฉ่ำน้ำ และยังมี Ceramide-3 มาเป็นเกราะป้องกันผิวจากการถูกทำร้ายโดยปัจจัยภายนอก ช่วยเพิ่มความสามารถในการเก็บกักน้ำของผิว ในขณะเดียวก็สามารถช่วยลดการสูญเสียน้ำของผิวได้อีกด้วย และช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับเต่งตึงขึ้นค่ะ
นอกจากนี้ยังมี Adenosine มีประสิทธิภาพในการลดเลือดริ้วรอย สมานแผล ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และ Aquaphyline สารสกัดจากดอกไม้ป่า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมและเก็บกักน้ำของ HA ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นค่ะ โดยสารบำรุงเหล่านี้จะถูกผลักเข้าสู่ผิวด้วยเทคโนโลยีเฉพาะอย่าง Micro Derma – Shot คือการทำให้ส่วนผสมมีขนาดเล็กมาก ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดนั่นเองค่ะ
ราคา | 790 บาท |
ขนาด | 100 กรัม |
ราคาต่อหน่วย | 7.9 บาทต่อกรัม |
สารบำรุงอื่น | Ceramide-3, Aquaphyline, Adenosine |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
สารกันเสีย | Phenoxyethanol |
…..
เคล็ด(ไม่)ลับในการใช้ไฮยาลูรอนให้ได้ผลลัพธ์สุดปัง
การใช้ไฮยาลูรอนให้ได้ผลก็ง่ายแสนง่ายเลยค่ะ แค่เพียงเพื่อนทาลงไปบนผิวเหมือนการทาครีมบำรุงทั่วไปได้เลย หรือจะนำไปผสมกับสกินแคร์ตัวอื่นก็ได้เช่นกันค่ะ จากนั้นก็นอนหลับพักผ่อน ตื่นเช้ามาก็จะได้สัมผัสกับผิวหน้าที่นุ่มขึ้น จนลืมไปว่า คนที่มีผิวหน้าแห้ง ๆ เมื่อคืนนี้เป็นใครกันนะ เห็นมั้ยคะว่า ใช้ง่ายมากจริง ๆ และอย่างที่บอกไปนะคะว่า ไฮยาลูรอนเป็นสารให้ความชุ่มชื้นในกลุ่ม Humectants (สารที่ช่วยดูดซับ) ที่ลำพังไม่มีความสามารถในการรักษาความชุ่มชื้นได้มากนักค่ะ ดังนั้นแนะนำว่าหลังทาไฮยาลูรอน ให้เพื่อน ๆ ทาสกินแคร์เนื้อครีมซ้ำอีกครั้ง เพื่อล็อคความชุ่มชื้นให้อยู่บนผิวของเราให้นานยิ่งขึ้น และไฮยาลูรอนไม่สามารถสะสมได้เหมือนการสะสมแต้มนะคะ ไฮยาลูรอนจะอยู่บนผิวของเราเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็นะเริ่มสลายไป ดังนั้นไฮยาลูรอนจำเป็นต้องทาทุกวันค่ะ
ในการนำไฮยาลูรอนไปผสมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ แนะนำว่าให้เป็น Pure Ayaluronic Acid จะดีที่สุดเลยค่ะ เพราะจะมีความเข้มข้น เมื่อนำไปผสมกับผลิตภัณฑ์อื่น ความเข้มข้นของไฮยาลูรอนก็จะไม่เจือจางมากไปนั่นเองค่ะ ขอยกตำแหน่ง “น้ำยาสารพัดประโยชน์” ให้แก่คุณน้องเขาไปครอบครอง แล้วเรามาดูกันว่าเจ้าไฮยาลูรอน สามารถนำไปผสมกับอะไรได้บ้าง แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไร
ผสมในเครื่องสำอาง : หากเพื่อน ๆ เป็นคนที่กำลังประสบปัญหาแต่งหน้าไม่ติด เพราะหน้าแห้งนักมาก นอกจากจะทาลงบนผิวแล้ว เราแนะนำผสมไฮยาลูรอนลงไปในรองพื้นตัวโปรดสัก 1 หยด เพื่อทำให้เนื้อรองพื้นมีความบางเบา เกลี่ยง่าย และติดผิวมากขึ้นแน่นอนค่ะ และการผสมไฮยาลูรอนลงไปในรองพื้นก็จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้การแต่งหน้าแบบผิวฉ่ำวาว ดูผิวสวยตั้งแต่เกิดเลยล่ะค่ะ
ผสมในครีมบำรุงผิว : สาวออฟฟิศหลาย ๆ คนจะต้องใช้ชีวิตอยู่ห้องแอร์ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะทาครีมบำรุงทุกครึ่งชั่วโมงก็ยังรู้สึกว่าผิวแห้งอยู่ดี ลองผสมไฮยาลูรอนลงไปในครีมที่กดออกมาสัก 2 หยดสิค่ะ นอกจากจะเพิ่มความชุ่มชื้นได้แล้ว ยังช่วยให้ครีมซึมลงผิวได้ดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ผสมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด : เคยรู้สึกมั้ยคะว่าหลังจากอาบน้ำ หรือล้างหน้า ผิวของเราจะแห้งตึงมากเป็นพิเศษ และการล้างหน้าจนได้ยินเสียงเอี๊ยด ! ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยค่ะ เพราะเป็นสัญญาณว่าผิวของเรากำลังสูญเสียความชุ่มชื้นไปแล้ว ดังนั้นให้เพื่อน ๆ ผสมไฮยาลูรอนไปกับครีมอาบน้ำ หรือโฟมล้างหน้าได้เลยค่ะ
ผสมในแชมพูและครีมนวดผม : เคยเป็นมั้ยคะ ที่เส้นผมมักจะแห้งกระด้างหลังจากสระผม จะหวีก็ไม่ได้ แถมพอผมแห้งแล้วก็ฟูฟ่อง ไม่พริ้วสลวยอย่างที่คิด เพื่อน ๆ สามารถผสมไฮยาลูรอนลงไปในแชมพูได้เลยค่ะ นอกจากช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ยังช่วยเคลือบปิดเกล็ดผมได้ด้วยค่ะ
…..
ข้อควรระวังการใช้ไฮยาลูรอน
ไฮยาลูรอน นับว่าเป็นสารบำรุงที่มีความปลอดภัยมากถึงที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นไฮยาลูรอนที่สังเคราะห์มา แต่ก็เป็นสกัดมาจากธรรมชาติ ดังนั้นโอกาสที่จะแพ้มีน้อยมาก ๆ เลยค่ะ และ Pure Ayaluronic Acid ไม่ควรใช้ตัวเดียว ควรจะใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นด้วย ไม่อย่างนั้นไฮยาลูรอนที่เราทาลงก็จะอยู่ได้ไม่นาน และก็สลายจนหมดไปอย่างรวดเร็ดนั่นเองค่ะ
ที่สำคัญสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไฮยาลูรอนทั้งแบบทา และแบบฉีดเลยนะคะ ถึงแม้จะยังไม่มีงานวิจัยที่บอกว่าจะส่งผลอันตราย แต่ก็ไม่มีงานวิจัยที่รับรองได้ว่า การใช้ไฮยาลูรอนในสตรีมีครรภ์ปลอดภัยนั่นเองค่ะ
….
สารกันเสียในไฮยาลูรอนเป็นอันตรายต่อผิวหรือไม่?
เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่อ่านมาถึงตรงนี้จะต้องกำลังรู้สึกกังวลต่อการใช้ไฮยาลูรอนกันอย่างแน่นอน เพราะถ้าเพื่อน ๆ ได้อ่านดูอย่างละเอียดก็จะพบว่า ไฮยาลูรอนแต่ละแบรนด์จะมีสารกันเสียผสมอยู่ด้วย และในบางแบรนด์นอกจากจะมีสารกันเสียก็ยังมีพาราเบน ทำให้กังวลหนักขึ้นไปอีก อย่างเจ้า The Sun Society Hyaluronic Acid ตัวนี้ ที่เป็นเพียงตัวเดียวที่มีพาราเบนอยู่ด้วย อยากให้ทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า ไฮยาลูรอน เป็นสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำเป็นหลัก ทำให้โอกาสที่จะเกิดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราจะมีมากกว่าสกินแคร์ชนิดอื่น ๆ ดังนั้นไฮยาลูรอนจำเป็นต้องใช้สารกันเสียค่ะ แต่สารกันเสียเหล่านี้ได้รับการรับรองแล้วว่า ใช้ได้ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และต้องอยู่ในปริมาณที่กฏหมายควบคุมค่ะ
Phenoxyethanol : เป็นสารกันเสียที่มีความปลอดภัยสูงมาก มีความสามารถในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย แต่ไม่สามารถกำจัดเชื้อรา ทำให้ต้องใช้สารอื่นควบคู่กัน
Ethylhexylglycerin : สารกันเสียที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองและไม่เป็นอันตรายต่อผิว และยังมีทำหน้าที่เป็น humectant ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว
1,2-Hexanediol : ตัวนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นสารกันเสียโดยตรง แต่มีความสามารในการยับยั้งและต่อต้านเชื้อโรคได้เลยข้อยกมาไว้ตรงนี้ด้วย หลาย ๆ แบรนด์ที่ต้องการเลี่ยงการใช้สารกันเสียมักจะเลือกใช้สารตัวนี้แทน เพราะนอกจากจะช่วยต่อต้านเชื้อโรคแล้ว ยังสามารถช่วยเก็บกักน้ำให้ผิวได้อีกด้วย
Paraben : พาราเบน คือสารกันเสียชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราค่ะ ตามกฏหมายพาราเบนยังสามารถใช้ได้ และส่วนใหญ่ก็จะถูกใช้ในปริมาณที่น้อยมาก ๆ และหลายแบรนด์ก็เลี่ยงหารใช้พาราเบนเป็นสารกันเสีย แต่ยังคงพบได้บ้างในเครื่องสำอางหรือสกินแคร์จากญี่ปุ่น เพราะยังไม่มีการแบนพาราเบนนั่นเอง
…..
สุดท้ายแล้วส่งท้ายกันด้วย
จุใจกันไปแล้วกับไฮยาลูรอนทั้ง 10 ตัวที่เรานำมาเสนอให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญเลยนะคะว่า เราคัดมาแต่ตัวที่จัดว่าดี จัดว่าเด็ด แถมมียอดรีวิวถล่มถลายไม่แพ้ยอดขายกันเลยทีเดียว รับประกันเลยว่าไฮยาลูรอนจะช่วยเปลี่ยนผิวแห้งกร้าน ให้กลายเป็นผิวนุ่ม ชุ่มฉ่ำ เหมือนมีกระจบมาเคลือบผิว และเมื่อใช้เป็นประจำก็จะรู้สึกว่าผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วยค่ะ
หากเพื่อน ๆ กำลังลังเลว่าทั้งหมด 10 ตัวนี้จะเลือกตัวไหนดี เราขอแนะนำให้เลือกจากการใช้งานค่ะ หากต้องการความคุ้มค่า ให้เลือกตัวที่เป็น Pure Hyaluronic Acid อย่างเช่น The Sun Society หรือ Graymelin ค่ะ เพราะราคาไม่สูงมากนัก และสามารถนำไปผสมใช้ในผลิตภัฑ์อื่นได้หลายโอกาสเลยค่ะ แต่ถ้าชอบความสะดวก เน้นใช้ง่าย ก็เลือกตัวที่มีสารบำรุงตัวอื่นผสมอยู่ด้วยได้เลยนะคะ สุดท้ายฝากเรื่องการระมัดระวังในเรื่องของสารกันเสียที่คนผิวบอบบางแพ้ง่ายควรเลี่ยงค่ะ เราได้ตรวจสอบมาให้แล้วว่าตัวไหนมีสารกันเสีย และเป็นสารกันเสียตัวไหนบ้าง หวังว่าจะสามารถช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ