แนะนำ 10 บรอนเซอร์ ยี่ห้อไหนดี 2020 ผิวบ่มแดด แทนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ แลดูสุขภาพดี
เมื่อสาว ๆ ต้องการลุคการแต่งหน้าที่เรียกว่า Sunkissed Look ที่ได้งานผิวดูบ่มแดดและมีความฉ่ำโกลว์เบา ๆ ผลิตภัณฑ์ที่ทั้งบิวตี้กูรูและเมคอัพอาร์ติสท์ต่าง ๆ จะแนะนำให้สาว ๆ พุ่งตัวไปหยิบมาใช้เป็นอย่างแรกก็คือ “บรอนเซอร์” นั่นเองค่ะ เพราะผลิตภัณฑ์ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้มีสีอยู่ในโทนอุ่นเป็นหลัก ซึ่งเป็นโทนสีที่จะช่วยเลียนแบบลักษณะการตกกระทบของแสงตามส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าที่ เช่น บริเวณหน้าผาก ดั้งจมูก และช่วงโหนกแก้มไปจนถึงบริเวณสันกราม เพื่อช่วยให้ใบหน้าออกมาดูแทนหรืออบอุ่นขึ้น พร้อมกับดูมีออร่าของความฉ่ำโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ เสมือนได้พาผิวไปอาบแดดและได้รับวิตามินดีบริสุทธิ์มาอย่างเต็มที่
บรอนเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในโซนยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยถูกใช้เป็นผู้ช่วยมอบความมีชีวิตชีวา ให้ผิวดูผ่องและมีเฉดสีที่ดูละมุนและมีความสม่ำเสมอ พร้อมช่วยเน้นกรอบโครงของใบหน้าให้ดูเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะถูกหยิบนำมาใช้ในช่วงฤดูหนาวเป็นหลัก เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายไม่สามารถรับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวดูค่อนข้างซีดเซียว ขาดสีสันและความอบอุ่น บรอนเซอร์จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเข้ามาเติมเต็มและเสริมสร้างให้ผิวดูแฮปปี้ ดูมีสุขภาพดี โดยไม่ต้องเสียเงินนั่งเครื่องบินไปอาบแดดที่ชายหาดเมืองร้อนเลยค่ะ
แรกเริ่มเดิมที บรอนเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สาวไทยหลายคน ต้องขอเบือนหน้าหนีพร้อมมีความคิดที่ว่า “ฉันจะไม่มีวันเสียทรัพย์ให้แก่เธอหรอก” เพราะอาจจะเคยเห็นตัวอย่างการใช้ที่ผิด ๆ ทำให้ไปจดจำว่าบรอนเซอร์นั้นทำให้ใบหน้าดูส้มหรืออมเทา ดูเป็นคนเศร้าหมองหรือไม่ก็โกรธใครตลอดเวลา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลุคสายฝอก็ได้ถือกำเนิดและค่อย ๆ ขยายความนิยมไปจนทั่วทุกมุมโลก ทั้งในหมู่สาว ๆ ยุโรปและสาวเอเชีย ซึ่งคีย์หลักของลุคนี้คือใบหน้าที่ดูเรียว สีผิวที่ดูแทนและโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ และแน่นอนค่ะว่า หนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักที่ช่วยสร้างลุคสายฝอก็คือ บรอนเซอร์นั่นเอง จนตอนนี้กลายมาเป็นว่า บรอนเซอร์คือผลิตภัณฑ์ที่สาวไทยหัวใจสายฝอหลายคนขาดไม่ได้เลยทีเดียว
…
อยากอ่านตรงไหน กดได้เลย
บรอนเซอร์กับคอนทัวร์แตกต่างกันอย่างไร
สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาทำความรู้จักกับการแต่งหน้า อาจจะเกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่า ระหว่างบรอนเซอร์และคอนทัวร์มีความแตกต่างกันหรือเปล่า เพราะแค่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกก็แทบจะหาความแตกต่างไม่เจอ แถมเฉดสีของเนื้อผลิตภัณฑ์ก็ใกล้เคียงกันมาก เลยเกิดความคิดที่ว่าผลิตภัณฑ์สองประเภทนี้คือสิ่งเดียวกัน สามารถสลับใช้และทำหน้าที่ของกันและกันได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ในความเป็นจริง ปัญหาจะเกิดขึ้นแน่ค่ะ ถ้าสาว ๆ ไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้ว คุณ ๆ เค้าต่างถูกสร้างมาเพื่อให้ทำหน้าที่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีหน้าที่ช่วยเพิ่มความเข้มของสีผิวในบริเวณที่เฉพาะเจาะจงเหมือนกัน แต่คำว่าเงาไม่เท่ากับคำว่าบ่มแดดนะคะสาว ๆ โดยเราจะสร้างเงา เพื่อให้ส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าดูคมชัดหรือดูเรียวเล็กลง พร้อมเพิ่มมิติให้มากขึ้น ซึ่งจะต้องอาศัยเทคนิคที่เรียกว่าคอนทัวร์ริ่ง บวกกับการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทคอนทัวร์ ที่มีสีน้ำตาลอมเทาและไม่มีประกายชิมเมอร์นั่นเองค่ะ เพื่อเลียนแบบเงาให้เหมือนจริงที่สุด แต่ถ้าหากสาว ๆ ต้องการสร้างลุคผิวบ่มแดด ดูสุขภาพดีมีชีวิตชีวามากขึ้น ราวกับได้แอบหนีไปพักร้อน พร้อมดื่มด่ำกับแสงแดดมาอย่างเต็มที่ สาว ๆ จะต้องใช้เทคนิคการบรอนซ์ซิ่ง ควบคู่ไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทบรอนเซอร์ ที่มีสีน้ำตาลโทนอุ่นเท่านั้นค่ะ
…
บรอนเซอร์กับคอนทัวร์ใช้แทนกันได้หรือไม่
จากคำถามนี้ สามารถตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยว่า ไม่แนะนำค่ะ เพราะหากสาว ๆ นำบรอนเซอร์มาใช้คู่กับเทคนิคการคอนทัวร์ ที่เน้นลงผลิตภัณฑ์ตรงบริเวณใต้จุดแสงตกกระทบแล้ว เงาที่ควรจะเป็นสีน้ำตาลโทนเย็นอมเทา จะกลายเป็นสีน้ำตาลโทนอุ่น ซึ่งจะไปดึงความอบอุ่น และความเหลืองบนใบหน้าให้สูงขึ้นเข้าไปอีก ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าของสาว ๆ จะดูส้มแบบที่คุณสิตางค์จะช่วยหยุดไม่ได้เลยค่ะ และในขณะเดียวกัน การนำคอนทัวร์ไปใช้ในการสร้างผิวบ่มแดด โดยการลงผลิตภัณฑ์แบบฟุ้ง ๆ กระจาย ๆ ตามบริเวณที่แสงแดดมักจะสัมผัสเป็นที่แรก ๆ อย่างบริเวณหน้าผาก ปลายจมูก สันกราม และโหนกแก้ม ตามเทคนิคการบรอนซ์ซิ่งแล้ว สาว ๆ จะได้ใบหน้าที่ดูเศร้า มีความเป็นสีเทาอยู่ทุกองศาแทนค่ะ ดังนั้นเราจึงไม่ควรนำสองตัวนี้มาใช้แทนกัน ขอแนะนำให้สาว ๆ ควรมีบรอนเซอร์และคอนทัวร์อย่างละชิ้น เพื่อใช้งานตามจุดประสงค์ของแต่ละตัวจะดีที่สุดค่ะ
…
ประเภทของบรอนเซอร์
หลัก ๆ แล้ว เราสามารถแบ่งแยกประเภทของบรอนเซอร์ได้ตามลักษณะเนื้อสัมผัส และตามฟินิชของผลิตภัณฑ์ค่ะ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป และต่างก็ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่ต่างกัน แต่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันอยู่ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มดูกันที่ลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์กันเลยดีกว่าค่ะ
…
แบ่งตามเนื้อผลิตภัณฑ์
เนื้อผลิตภัณฑ์แบบฝุ่น : บรอนเซอร์ประเภทฝุ่นคงเป็นประเภทที่หลายคนนั้นคุ้นเคยและมักจะนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ จึงทำให้เป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุด เพราะมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้งานที่ง่ายดาย การพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกและสัมผัสของเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างเบาบาง ทำให้สามารถเพิ่มเลเยอร์และควบคุมปริมาณความเข้มข้นของสีสันได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะแก้ไขไม่ได้หากหนักมือไปบ้างเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บรอนเซอร์เนื้อฝุ่นเหมาะกับมือใหม่ที่พึ่งหัดใช้บรอนเซอร์มากที่สุดเลยค่ะ
เนื้อผลิตภัณฑ์แบบครีม : ถ้าต้องการลุคผิวบ่มแดดที่ดูเนียนสวยเป็นธรรมชาติเป็นพิเศษ งานผิวดูโกลว์แบบโอ้โหคุณทำได้อย่างไร สาว ๆ ห้ามพลาดที่จะหยิบบรอนเซอร์เนื้อครีมมาใช้นะคะ เพราะนี่คือเนื้อบรอนเซอร์ที่เกิดมาเพื่องานผิวโดยเฉพาะ ด้วยลักษณะความเป็นเนื้อครีมเข้มข้น ที่เมื่อได้สัมผัสกับความร้อนของร่างกาย เนื้อผลิตภัณฑ์จะเกิดการละลายตัวทำให้สามารถเกาะอยู่บนผิวได้อย่างมั่นคง สามารถเกลี่ยไปตามพื้นผิวได้อย่างนุ่มลื่นและไร้รอยต่อ พร้อมมอบผลลัพธ์งานบรอนซ์ที่ดูเนียนกริบ เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของผิวหน้าจริง ๆ
…
แบ่งตามฟินิช
บรอนเซอร์เนื้อแมตต์ : ตามอย่างที่ชื่อบอกเลยค่ะ บรอนเซอร์ชนิดนี้จะให้ฟินิชที่ดูด้านและทึบแสง ปราศจากประกายของชิมเมอร์ที่ให้ความฉ่ำโกลว์ผสมอยู่เลย โดยจะช่วยเติมความอบอุ่นให้กับใบหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ ดูเนียนสวยและกลืนไปกับผิวมากกว่า แถมยังช่วยเสริมให้โครงหน้าดูชัดเจนขึ้นอีกด้วย โดยสามารถลงเนื้อผลิตภัณฑ์อย่างฟุ้ง ๆ และกว้าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ แต่ห้ามลืมเกลี่ยเด็ดขาดเลยนะคะ และเพื่อให้ได้สีสันที่ดูเรียบเนียนสมจริงมากยิ่งขึ้น แนะนำว่าให้ค่อย ๆ ลงเนื้อผลิตภัณฑ์เพิ่ม ไม่ควร “ฟาด” แบบหนักมือ เพราะอาจจะต้องมาเสียเวลาเกลี่ยสีให้ดูเบาลงอีก ถ้าหากสาว ๆ มีเท็กเจอร์ของผิวที่เห็นได้ชัด อย่างพวกรอยหลุมสิวหรือแผลเป็นต่าง ๆ บรอนเซอร์เนื้อแมตต์คือตัวเลือกที่ใช่สำหรับสาว ๆ เพราะความด้านและความทึบแสงจะช่วยอำพรางร่องรอยต่าง ๆ ได้ดีกว่าค่ะ
บรอนเซอร์เนื้อชิมเมอร์ : บรอนเซอร์ประเภทนี้จะมีประกายระยิบระยับ ที่เล่นกับแสงแดดและแสงไฟได้ดีเป็นพิเศษ โดยจะให้ความรู้สึกราวกับเป็นผลิตภัณฑ์ลูกผสมระหว่างบรอนเซอร์และไฮไลต์เตอร์เลยค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยมอบความอบอุ่นแล้ว ยังช่วยเติมความโกลว์ เพิ่มความเปล่งปลั่งให้กับผิวของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย จึงทำให้เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่อยากได้ทั้งผิวที่ดูอบอุ่นและฉ่ำโกลว์ในเวลาเดียวกัน แนะนำว่าควรใช้น้ำหนักมือที่ค่อนข้างเบา และเลือกลงเฉพาะบริเวณใกล้เคียงกับที่เรามักจะลงไฮไลต์เตอร์ อย่างโหนกแก้มหรือขมับเท่านั้น เพราะถ้าหากลงจนเพลินมือ เกลี่ยบรอนเซอร์เนื้อชิมเมอร์จนทั่วใบหน้า สาว ๆ ก็พร้อมลงแข่งกลายเป็นปลาทูแม่กลองได้เลยค่ะ และสำหรับใครที่ใบหน้ามีน้องสิวหรือรอยสงครามต่าง ๆ มาก่อกวนอยู่ แนะนำว่าให้ข้ามบรอนเซอร์ประเภทนี้ เพราะเจ้าประกายชิมเมอร์จะยิ่งไปเน้นร่องรอยต่าง ๆ ให้ดูโดดเด่นเป็นต้องจ้องมองเข้าไปอีก
…
ตารางสรุปข้อมูลบรอนเซอร์แบบรวบรัด
…
แนะนำ 10 บรอนเซอร์ ยี่ห้อไหนดี 2020 ผิวบ่มแดด แทนอย่างเป็นธรรมชาติ แลดูสุขภาพดี
ถึงเวลาแล้วค่ะสาว ๆ ที่เราจะมาทำความรู้จักกับ 10 บรอนเซอร์ที่ดีที่สุด ที่ทางเราได้คัดสรรมาให้ จะมีตัวไหนกันบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ
…
▼▼ บรอนเซอร์ BENEFIT COSMETICS Hoola Matte Bronzer ▲▲
….
….
บรอนเซอร์เนื้อแมตต์ยอดนิยมที่ได้รับรางวัลการันตี พร้อมพ่วงตำแหน่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบรอนเซอร์ที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งใน Sephora จากทั่วทุกมุมโลก อย่าง Hoola Matte Bronzer จาก Benefit Cosmetics แบรนด์เครื่องสำอางเจ้าใหญ่เจ้าดังจากสหรัฐอเมริกา คือที่สุดของที่สุดของบรอนเซอร์แล้วจริง ๆ ค่ะ เพราะนอกจากจะมีเฉดสีน้ำตาลที่ความเป็น Universal ใช้ได้กับหลากหลายสีผิวแล้ว ยังให้ผลลัพธ์ผิวที่ดูอบอุ่นแบบกำลังพอดี ให้เนื้อสีที่ไม่เข้มและไม่อ่อนจนเกินไป เรียกได้ว่าเป็นบรอนเซอร์ที่ทั้งเมคอัพอาร์ติสท์มือโปรหรือบิวตี้กูรูมือฉมังต่างก็ให้ความไว้วางใจ ในการสร้างลุคผิวสวยบ่มแดดที่เพอร์เฟคทุกองศาเลยค่ะ
จุดเด่นของเจ้าตัวนี้ ที่ทำให้ติดท็อปและสามารถปิดจ็อบได้ทุกสถานการ์การบรอนซ์ คือเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เนียนนุ่ม เกลี่ยง่าย เบลนเข้าไปกับผิวได้ดี ทำให้งานผิวที่ได้ไม่ดูเป็นแป้งที่แห้งกรังเกาะติดใบหน้าอยู่อย่างเศร้า ๆ แถมยังต้องให้คะแนนคุณงามความดีเพิ่มไปอีก เพราะเนื้อของเค้ามีความอมเทาเล็กน้อย ทำให้ช่วยเจือจางติ่งของสีส้มหรือสีแดงให้ดู ทำให้สาว ๆ สามารถมั่นใจได้เลยว่า ใบหน้าของสาว ๆ จะไม่ดูเป็นแม่สาวเค้กส้มหน้านิ่มอย่างแน่นอน อีกหนึ่งความพิเศษของเจ้า Hoola คือคุณเค้ามีมาให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาด ซึ่งมีมาทั้งในไซซ์มินิกะทัดรัด พกใส่ติดกระเป๋าเครื่องสำอางได้อย่างสบาย และไซซ์มาตรฐานขนาดจัมโบ้ ที่ให้ใช้แบบจุใจกันได้อย่างยาว ๆ แถมยังมีแปรงขนาดพกพา พร้อมกระจกแถมมาให้กับตัวผลิตภัณฑ์อีกด้วย เรียกว่าครบสูตรพร้อมบูสท์งานผิวบ่มแดดได้ทุกเมื่อเลยทีเดียวค่ะ
ราคา | 760 / 1,350 บาท |
ขนาด | 4 g / 8 g |
ราคาต่อหน่วย | 190 / 168.75 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Talc, Iron Oxides, Zinc Stearate, Dimethicone, Manganese Violet, Methylparaben, Propylparaben, Butylparaben |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อฝุ่น |
ฟินิช | แมตต์ |
สี | 1 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
▼▼ บรอนเซอร์ BECCA COSMETICS Sunlit Bronzer ▲▲
…
…
หากใครชอบบรอนเซอร์ที่มีประกายชิมเมอร์สีทองระยิบระยับ เล่นแสงแบบซอฟท์ ๆ พร้อมให้ความฉ่ำโกลว์ที่ดูแพงแบบไม่มีที่มาที่ไป แต่ว่ายังได้เม็ดสีแน่นชัดในทุกอณูความบรอนซ์อยู่ ขอแนะนำให้ไป Sephora แล้วไปลองสวอชเจ้า Sunlit Bronzer จาก Becca Cosmetics รับรองว่าสาว ๆ จะได้พาเค้ากลับบ้านด้วยอย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งเจ้าตัวนี้มีความเก๋ตรงที่ว่า เป็นบรอนเซอร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแสงแดดอันอบอุ่นในยามหน้าร้อน ตามสถานที่อาบแดดยอดนิยมจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น บาหลี คาปรี บอนได อีปาเนมา และเมาวี ออกมาเป็น 5 เฉดสีคุณภาพที่ครอบคลุมทุกความต้องการ พร้อมเป็นผู้ช่วยมอบผิวแทนฉ่ำแดด ให้กับสาว ๆ ทุกสีผิว ทุกอันเดอร์โทนเลยค่ะ
ทาง Becca เองก็ขึ้นชื่อเรื่องการทำเนื้อผลิตภัณฑ์ให้ออกมาละเอียด เนียนนุ่มอ่อนละมุนดุจใยไหม เกลี่ยง่ายไร้รอยต่อ ใช้แล้วผิวไม่ดูหนาเป็นแป้งเค้กอยู่แล้ว ทำให้มั่นใจเลยได้ว่า บรอนเซอร์ตัวนี้จะไม่ทำให้สาว ๆ ผิดหวังในเรื่องของเนื้อสัมผัส และผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้แน่นอนค่ะ อีกความดีงามของเจ้าตัวนี้ ที่ต้องขอกล่าวถึงอีกสักเล็กน้อยคือ เป็นบรอนเซอร์ที่มีระดับความติดทนที่สูงเป็นอันดับต้นจากกลุ่ม High-end เลยค่ะ เพราะไม่ว่าฝนจะตกหรือเหงื่อจะออกไป ก็ยังอยู่คงอย่างทรงพลังยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง และที่สำคัญถึงแม้จะเป็นเนื้อฝุ่นที่เนียนละเอียดขั้นสุด บวกกับประกายชิมเมอร์ขนาดจิ๋ว แต่เนื้อผลิตภัณฑ์ก็ไม่ไปเน้นริ้วรอยหรือร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้าให้ชัดขึ้นเลยค่ะ
ราคา | 1,650 บาท |
ขนาด | 7.1 g |
ราคาต่อหน่วย | 232.3 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Talc, Mica, Caprylic/Capric Triglyceride, Petrolatum, Silica, Boron Nitride, Nylon-12, Isostearyl Alcohol, Dimethicone |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อฝุ่น |
ฟินิช | ชิมเมอร์ |
สี | 5 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
▼▼ บรอนเซอร์ TARTE Amazonian Clay Matte Waterproof Bronzer ▲▲
…
…
บรอนเซอร์เนื้อแมตต์จาก TARTE ที่มาในสูตรสะเทินน้ำสะเทินบก แถมยกระดับความบรอนซ์ให้ดูเป็นงานผิวระดับ High-end ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่เป็น Signature ของแบรนด์อย่าง Amazonian Clay หรือโคลนจากลุ่มน้ำอเมซอน ที่มาพร้อมคุณสมบัติช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์มีสัมผัสนุ่มลื่นและเกลี่ยง่าย แต่ยังคงให้ความรู้สึกบางเบา แถมยังเกาะแนบสนิทชิดผิวยาวนานตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังอัดแน่นไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ พร้อมให้การบำรุงและปลอบประโลมผิวจากมลภาวะได้เป็นอย่างดี
เพราะด้วยความที่มาในไซซ์ขนาดใหญ่ถึง 9 กรัม และยังอัดแน่นไปด้วยเม็ดสีชนิดที่แค่สะกิดเบา ๆ ก็สามารถเกลี่ยได้ทั่วใบหน้า ทำให้ใช้ได้นานมาก ๆ อยู่กับเราไปอย่างยาว ๆ อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ พร้อมช่วยเบลอรูขุมขนและร่องรอยต่าง ๆ ให้เนียนสวยแบบอยู่หมัด เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคาน่าลงทุนสุด ๆ เลยค่ะ และจากการศึกษารีวิวเพิ่มเติมก็พบว่า สาวผิวมันและผิวผสมจะรู้สึกแฮปปี้กับเจ้าตัวนี้เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะให้ผิวที่มีความแทนแบบเฮลตี้แล้ว ยังติดแน่นอยู่คู่กับใบหน้าได้นานมากที่สุดเท่าที่เคยใช้มาอีกด้วย แทบไม่มีการเคลื่อนตัวหรือการไหลเป็นคราบ จนต้องยกให้เป็นสุดยอดบรอนเซอร์กันน้ำตัวจริงเลยค่ะ
ราคา | 1,229 บาท |
ขนาด | 9.07 g |
ราคาต่อหน่วย | 135.5 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Talc, Mica, Zinc Stearate, Silica, Dimethicone, Phenyl Trimethicone, Nylon-12, Triethoxycaprylylsilane, Water |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อฝุ่น |
ฟินิช | แมตต์ |
สี | 2 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
▼▼ บรอนเซอร์ TOO FACED Chocolate Soleil Matte Bronzer ▲▲
…
…
มาถึงอีกหนึ่งบรอนเซอร์จากฝั่งสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับรางวัลและการบอกต่ออย่างนับครั้งไม่ถ้วน นี่เลยค่ะ Chocolate Soleil Matte Bronzer จาก Too Faced นั่นเอง ซึ่งเจ้าตัวนี้เป็นบรอนเซอร์เนื้อแมตต์ ที่มาพร้อมกับสมญานามที่ว่า “แค่เปิดตลับก็ประทับใจแล้ว” โดยที่เจ้าตัวมีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นช็อคโกแลตแบบอ่อน ๆ ที่หอมหวนเชิญชวนให้อยากเป็นเจ้าของมาก เพราะเค้ามีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติเป็นผงโกโก้แท้ 100% และนอกจากจะช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังช่วยเพิ่มความนวลฟุ้งและความเกลี่ยง่าย บวกกับการให้ผลลัพธ์งานบรอนซ์ที่เนียนสวยและเบลนเข้ากับสีผิวอย่างลงตัว
ทาง Sephora ไทยเองก็ได้นำเข้ามาทั้งหมด 3 เฉดสีเลยค่ะ ซึ่งจะไล่ตั้งแต่สำหรับผิวสว่าง ผิวปานกลาง ไปจนถึงผิวเข้ม ซึ่งแต่ละเฉดสีก็ล้วนแต่มีความเป็น Universal มาก ๆ แถมไม่ดูส้มหรือเทาจนเกินงามด้วย ทำให้มั่นใจได้เลยว่าครอบคลุมทุกเฉดสีผิวของสาวไทยทุกคนอย่างแน่นอน และสำหรับเรื่องของระดับความติดทน ก็ผ่านผู้ใช้จริงหลายคนจากหลายประเทศพิสูจน์มาแล้วว่า เค้าอยู่ทนทานยาวนานถึง 7-8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ทำให้สาว ๆ ที่มีผิวค่อนข้างมัน สามารถวางใจพร้อมมอบหน้าที่งานบรอนซ์ ให้เจ้าตัวนี้ช่วยดูแลได้อย่างสบาย ๆ เลยค่ะ
ราคา | 875 บาท |
ขนาด | 8 g |
ราคาต่อหน่วย | 109.3 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Talc, Mica, Titanium Dioxide, Octyldodecyl Stearoyl Stearate, Ethylhexyl Palmitate, Boron Nitride, Fragrance/Parfum, Silica, Theobroma Cacao (Cocoa) Fruit Powder |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อฝุ่น |
ฟินิช | แมตต์ |
สี | 3 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
▼▼ บรอนเซอร์ FENTY BEAUTY Cheeks Out Freestyle Cream Bronzer ▲▲
…
…
นาทีนี้คงไม่มีแบรนด์ไหนที่ฮิตติดตลาด กวาดคะแนนเรียบไปมากกว่า Fenty Beauty ของแม่ค้าเสียงดีอย่างคุณริฮานน่าแล้วหล่ะค่ะ ซึ่งนอกจากจะทำงานสีสันออกมาได้อย่างประทับใจแล้ว งานผิวและงานเพิ่มมิติให้กับใบหน้าของทางแบรนด์เองก็เป็นที่ยอมรับ และถูกพูดถึงจากบิ้วตี้กูรูอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย และคุณ Cheeks Out Freestyle Cream Bronzer ที่เป็นบรอนเซอร์เนื้อแมตต์ที่มาในรูปแบบครีมตัวนี้ ก็เป็นน้องใหม่ในตระกูลงานผิวของแบรนด์ ที่พึ่งถูกเปิดตัวได้ไม่นานนี้เองค่ะ แต่ก็สามารถทะยานขึ้นไปติดอันดับหนึ่งในครีมบรอนเซอร์ที่ดีที่สุดตลอดการไปเป็นที่เรียบแล้ว เพราะครบเครื่องทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่เรื่องแพ็คเกจ เฉดสี การทำงาน และผลลัพธ์ที่ได้
ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อครีมจะไม่ค่อยเวิร์คกับสาวผิวมันนัก แต่คงต้องขอยกเว้นเจ้าตัวนี้ไว้สักตัว เพราะสาว ๆ ผู้ใช้จริงที่มีผิวมัน หรือมีปัญหาเหงื่อออกง่ายหลายคน ต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันเลยค่ะว่า “รอด ปลอดภัย หายห่วง” และไม่ว่าสาว ๆ จะมีผิวที่สว่างหรือเข้มขนาดไหนก็ตาม หรือเคยผิดหวังในการตามหาสีบรอนเซอร์ที่ใช่มากนักต่อนัก ถ้าได้เจ้าตัวนี้มาครอบครองแล้วหล่ะก็ พื้นที่ในใจของสาว ๆ จะไม่เหลือที่ว่างให้กับบรอนเซอร์เนื้อครีมตัวไหนอีกแล้วค่ะ และที่สำคัญสามารถเพิ่มเลเยอร์ได้อย่าง Freestyle สมชื่อ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะดูเยอะจนเกินไป ไม่ว่าใครได้ใช้ก็จะได้ฟินิชลุคที่ดูได้วิตามินครบ ผิวดูเปล่งปลังอย่างทรงพลังแบบคุณแม่ริริเลยค่ะ
ราคา | 1,200 บาท |
ขนาด | 5.23 g |
ราคาต่อหน่วย | 229.4 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Isononyl Isononanoate, Caprylic/Capric Triglyceride, Dicalcium Phosphate, Synthetic Fluorphlogopite, Synthetic Wax |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีม |
ฟินิช | ดิวอี้ |
สี | 7 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
▼▼ บรอนเซอร์ HOURGLASS Ambient Lighting Bronzer ▲▲
…
…
งานบรอนซ์แบบสวยหรูดูมีระดับ ต้องยกให้เจ้า Ambient Lighting Bronzer จาก Hourglass เลยค่ะ โดยเจ้าตัวนี้เป็นบรอนเซอร์เนื้อชิมเมอร์ ที่ทางแบรนด์ยังคงใช้ฟอร์มูล่าเดียวกับเจ้าตัว Ambient Lighting Powder ที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของ Hourglass ในการผลิต ทำให้เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ยังคงบางเบาและอ่อนนุ่ม และผลลัพธ์จากการใช้ที่ยังคงดูนุ่มนวลและหรูหราได้ความฉ่ำโกลว์ ผิวดูสุขภาพดีจากข้างในเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือให้ผิวที่ดูแทนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมความเปล่งปลั่งระดับ High-end ใช้แล้วสามารถช่วยยกระดับความงามอย่างเป็นธรรมชาติของสาว ๆ ให้โดดเด่นและดึงดูดสายตามากขึ้น
อีกหนึ่งความพิเศษที่ทำให้เจ้าตัวนี้แตกต่างจากบรอนเซอร์เนื้อชิมเมอร์ตัวอื่น ๆ คือ เนื้อแป้งของแต่ละตลับล้วนแต่เป็นงาน Handmade ทั้งหมด ทำให้แต่ละตลับก็มีลวดลายหินอ่อนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่ซ้ำกับตลับอื่น จนเรียกได้ว่าเป็นงานศิลป์ในรูปแบบเครื่องสำอางที่มีชิ้นเดียวในโลกเลยค่ะ นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Photoluminescent เข้ามาช่วยในการทำหน้าที่ของผลิตภัณฑ์ โดยจะช่วยเสริมการเบลนให้ออกมาดูเรียบเนียนนุ่มนวลและไร้รอยต่อ ให้งานบรอนซ์ที่ได้ดูมีมิติมากขึ้น พร้อมมอบผลลัพธ์แบบซอฟท์โฟกัส ที่จะช่วยเบลอรูขุมขนหรือจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าให้ดูจางลงอีกด้วย ถ้าหากสาว ๆ งบถึงและชอบงานบรอนซ์แบบฉ่ำกำลังพอดี เจ้าตัวนี้คือตัวที่ตอบโจทย์ที่สุดแล้วค่ะ
ราคา | 2,150 บาท |
ขนาด | 11 g |
ราคาต่อหน่วย | 195.45 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Mica, Synthetic Fluorphlogopite, Boron Nitride, Octyldodecanol; Benzoic Acid, Diamond Powder, Dimethicone |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อฝุ่น |
ฟินิช | ชิมเมอร์ |
สี | 4 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
▼▼ บรอนเซอร์ The Balm Take Home The Bronze ▲▲
…
…
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นที่วอแวมากเท่ากับเพื่อน ๆ ตัวอื่นจากระดับเดียวกันมากนัก แต่ต้องขอบอกกับสาว ๆ ไว้ก่อนเลยค่ะว่า เจ้า Take Home the Bronze จาก The Balm คือบรอนเซอร์ราคากลาง ๆ ที่ควรค่าแก่การครอบครองมากที่สุดอีกตัวหนึ่งเลยค่ะ โดยคุณเค้าเป็นบรอนเซอร์เนื้อฝุ่นที่มอบฟินิชแบบแมตต์ ที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นที่นุ่มละมุน ดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ และไม่ว่าจะปัดอย่างไร ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะได้ลุคงานบรอนซ์ที่ดูหนักมือจนเกินไป หรือดูเป็นมือใหม่หัดบรอนซ์ที่ทำพลาด เพราะเนื้อของเค้าค่อนข้างเบาบาง และให้เม็ดสีที่กำลังพอดี แบบคิดมาแล้วว่านี่แหล่ะคือความเข้มข้นของสีที่ลงตัวที่สุด แต่ก็ยังสามารถเพิ่มความแน่นได้ตามต้องการอีกด้วย
ในเรื่องของเฉดสีที่ถูกนำเข้ามามีทั้งหมด 2 เฉดสีด้วยกัน แต่เฉดสีที่เรียกได้ว่าเป็นตัวสร้างชื่อให้กับเจ้าบรอนเซอร์ตัวนี้เป็นอย่างมาก คือเจ้าสี Oliver นั่นเองค่ะ ซึ่งเค้ามาในโทนสีน้ำตาลที่ค่อนข้างสว่าง และมีติ่งของสีเทาปนอยู่เล็กน้อย โดยที่คุณเค้าได้รับการโหวตจากสาวผู้ใช้จริงหลายคนมานักต่อนักแล้วว่า นี่คือสีบรอนเซอร์ที่ดีที่สุดสำหรับผิวสว่างเลยค่ะ เพราะเมื่อปัดแล้ว สีบรอนซ์ที่ได้ไม่ดูโดดจนเหมือนเป็นคราบบนผิว แถมยังไม่ทำให้ใบหน้าดูส้ม หรือดูอมเทาจนได้งานสร้างเงามาแทน เรียกได้ว่าเป็นสีบรอนซ์ที่ไม่ว่าสาว ๆ จะผิวขาวขนาดไหน และมีอันเดอร์โทนแบบใด ใช้แล้วก็ “รอด” ทุกคนอย่างแน่นอนค่ะ
ราคา | 750 บาท |
ขนาด | 7.08 g |
ราคาต่อหน่วย | 105.9 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Mica, Isoeicosane, Silica, Zinc Stearate, Polyisobutene, Polyethylene, Sodium Dehydroacetate, Dimethicone |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อฝุ่น |
ฟินิช | แมตต์ |
สี | 2 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
▼▼ บรอนเซอร์ MARC JACOBS BEAUTY O!Mega Bronzer Coconut Perfect Tan ▲▲
…
…
สำหรับเจ้า O!Mega Bronzer Coconut Perfect Tan ก็คงเป็นบรอนเซอร์อีกหนึ่งตัวที่น่าจะถูกใจสาว ๆ ที่ชอบงานบรอนซ์ที่ให้ฟินิชแบบกึ่งแมตต์ ที่ไม่มีประกายชิมเมอร์อย่างชัดเจน แต่ผิวยังดูมีความฉ่ำอยู่เล็กน้อย โดยแรกเริ่มเดิมที เจ้าตัวนี้ถูกเปิดตัวมาพร้อมกับคอลเลคชั่น Coconut ในปี 2017 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ และก็ได้ยึดครองตำแหน่ง Favorite ในใจสาว ๆ และบิวตี้กูรูหลายคนมาจนถึงปัจจุบัน จนถึงขั้นไม่ยอมเปลี่ยนใจไปใช้บรอนเซอร์ตัวอื่นเลยทีเดียว เพราะรู้สึกติดใจทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานของผลิตภัณฑ์ และกลิ่นหอมมะพร้าวแบบอ่อน ๆ ที่ทำให้นึกถึงภาพชายหาดหน้าร้อน ที่มีลมโชยเบา ๆ บวกกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องผ่านใบมะพร้าวลงมากระทบกับผิว
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวนี้ครองพื้นที่ในใจของใครหลายคน คือความคุ้มค่านั่นเองค่ะ เพราะถึงแม้จะต้องจ่ายเป็นหลักพัน แต่เมื่อเทียบกับปริมาณผลิตภัณฑ์ที่เค้าให้มาแล้ว บอกได้เลยค่ะว่า สาว ๆ คงหาความคุ้มค่าจากการลงทุนผลิตภัณฑ์ระดับ High-end แบบนี้จากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากนี้เรื่องของเฉดสีเองก็เรียกได้ทำว่าออกมาได้สวยพอดีกับสีผิวสาวเอเชียมาก ๆ ซึ่งสีที่แนะนำว่าต้องไป “ตำ” คือสี Tan-Tastic! นั่นเองค่ะ โดยเค้าจะเป็นบรอนเซอร์สีน้ำตาลกลาง ๆ ที่มีติ่งของสีเทาและสีแดงปนอยู่เล็กน้อย ทำให้เมื่อปัดออกมาแล้ว จะได้สีบรอนซ์ที่ให้ความอบอุ่น ผิวดูบ่มแดดแบบกำลังพอดี พร้อมช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูมีกรอบโครงที่ชัดขึ้นเล็กน้อยอีกด้วยค่ะ
ราคา | 1,700 บาท |
ขนาด | 25 g |
ราคาต่อหน่วย | 68 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Talc, Oryza Sativa (Rice) Starch, Dimethicone, Zea Mays (Corn) Starch, Zinc Stearate, Parfum/Fragrance |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อฝุ่น |
ฟินิช | กึ่งแมตต์ |
สี | 3 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
▼▼ บรอนเซอร์ NARS Bronzing Powder ▲▲
…
…
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับบรอนเซอร์เนื้อชิมเมอร์ แล้วรู้สึกว่ายังไม่จุใจ อยากจะรู้ว่ามีตัวไหนที่น่าลงทุนอีก นี่เลยค่ะ เราขอแนะนำบรอนเซอร์เนื้อชิมเมอร์คุณภาพดีอีกตัวจาก NARS ซึ่งก็คือเจ้า Bronzing Powder อันโด่งดังนั่นเองค่ะ โดยเจ้าตัวนี้เป็นบรอนเซอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องของเนื้อสัมผัสที่เนียนและละเอียดราวกับงาน airbrush ทั้งยังให้ความรู้สึกนุ่มนวลและบางเบาดุจผ้ากำมะหยี่ชั้นดี แต่ว่าก็สามารถเพิ่มเลเยอร์ เติมความคมเข้มได้อยู่เรื่อย ๆ พร้อมมอบฟินิชงานบรอนซ์ บวกกับความฉ่ำโกลว์จากเจ้าชิมเมอร์ประกายสีทอง ให้ผลลัพธ์เป็นงานผิวที่ดูอบอุ่นและสุขภาพดี มีความเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติสุด ๆ อย่างพอดิบพอดี
จุดเด่นของเจ้าตัวนี้ที่ทาง NARS ภูมิใจนำเสนอมาก ๆ คือเรื่องของส่วนผสมของเจ้าตัวนี้นั่นเอง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารประกอบที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอย่าง Mineral Oil, Parabens, Sulfates, SLS / SLES และอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้มั่นใจได้ว่าโอกาสที่ผิวของสาว ๆ จะรู้สึกแพ้หรือเกิดอาการระคายเคืองนั้นเป็นศูนย์อย่างแน่นอนค่ะ ในส่วนของเฉดสี ก็มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสีค่ะ แต่เฉดสีที่ทางเรายกให้เป็นนัมเบอร์วัน และคิดว่าเข้ากับสาวไทยมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นสี Laguna ค่ะ เพราะได้รับการโหวตจากทั้งผู้ใช้จริงและบิวตี้กูรูจากทั่วทุกมุมโลกแล้วว่า เป็นหนึ่งในสีบรอนเซอร์ที่สวยและดีที่สุดจากกลุ่ม High-end แถมยังมีความเป็น Universal สูงมาก ๆ ทำให้ไม่ว่าจะมีสีผิวแบบไหน อันเดอร์โทนจะเป็นอย่างไร ใช้แล้วก็สวยหมดทุกคนเลยค่ะ
ราคา | 1,485 บาท |
ขนาด | 8 g |
ราคาต่อหน่วย | 185.6 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Talc, Silica, Ethylhexyl Palmitate, Nylon-12, Zinc Stearate, Dimethicone, Trimethylsiloxysilicate, Chlorphenesin |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อฝุ่น |
ฟินิช | ชิมเมอร์ |
สี | 4 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
▼▼ บรอนเซอร์ NYX Professional Makeup CALIFORNIA BEAMIN’ FACE & BODY BRONZER ▲▲
…
…
หลังจากดื่มด่ำไปกับกองทัพบรอนเซอร์ตัวท็อปจากแบรนด์ระดับ High-end กันไปแล้ว เรามาปิดท้ายพร้อมกับเอาใจสาวกเครื่องสำอาง Drugstore ด้วยบรอนเซอร์ราคาดีคุณภาพเยี่ยมจาก NYX กันดีกว่าค่ะ เมื่อพูดถึงงานผิวจากกลุ่มแบรนด์ Drugstore แล้ว ผลิตภัณฑ์ของ NYX ก็เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่ทั้งเมคอัพอาร์ติสท์และบิวตี้กูรูมักจะเลือกใช้และพูดถึงอยู่บ่อย ๆ และเจ้า California Beamin’ Face & Body Bronzer นี้ก็เป็นม้ามืดของแบรนด์ที่สาว ๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด โดยคุณเค้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงแดดจากชายหาดของรัฐ California ที่เจิดจ้า สดใสและให้ความอบอุ่นตลอดปี และทางแบรนด์ได้แอบเคลมว่า ใช้แล้วจะสร้างสามารถลุคผิวบ่มแดด ดูแทนอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนพึ่งกลับมาจากการพักร้อนที่ California เลยล่ะค่ะ
ฟินิชของเจ้าตัวนี้จะมีความเป็นซาติน โดยมีประกายชิมเมอร์สีมุกขนาดไมโครที่ช่วยมอบความโกลว์ ความฉ่ำแดดแบบซอฟท์ ๆ ที่ไม่ทำให้หน้าดูมันวาวหรือเล่นแสงสู้ไฟมากเกิน พร้อมให้ผลลัพธ์งานบรอนซ์แบบ Second-skin ที่ดูบางเบาและยังเป็นผิวจริงอยู่ ด้วยความที่มาในไซซ์ขนาดจุใจ ใหญ่สุดอลัง ทำให้นอกจากจะสามารถใช้กับผิวหน้าได้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้ปัดตามลำตัว เพื่อสร้างลุคผิวฉ่ำแดด ให้สาว ๆ ได้เผยผิวกายที่ดูมีสุขภาพดีได้อย่างเต็มที่ เสียงรีวิวจากต่างประเทศเขาแอบกระซิบบอกมาว่า ถึงแม้จะไม่ได้ให้ฟินิชที่เหมือนกันเลยซะทีเดียว แต่เจ้าตัวนี้ใช้ดีพอ ๆ กับเจ้า Hoola ทีเดียวเชียว ไม่ลองคงไม่ได้แล้วล่ะค่ะ สาว ๆ
ราคา | 449 บาท |
ขนาด | 14 g |
ราคาต่อหน่วย | 32 บาท ต่อ 1 g |
ส่วนประกอบที่สำคัญ | Talc, Synthetic Fluorphlogopite, Dimethicone, Caprylic/Capric Triglyceride, Isostearyl Isostearate, Polybutene |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | เนื้อฝุ่น |
ฟินิช | ชิมเมอร์ |
สี | 6 |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…
วิธีการเลือกบรอนเซอร์
ก่อนที่จะช้อปบรอนเซอร์ดี ๆ มาใช้สักอัน เราต้องเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านการเงิน บวกกับการทำการบ้านเกี่ยวกับตัวเองสักเล็กน้อย เพื่อเป็นตัวช่วยให้สาว ๆ สามารถเลือกบรอนเซอร์ที่ทั้งใช่และเข้ากับตัวเองมากที่สุดได้อย่างไม่ต้องเสียทรัพย์และเสียเวลาอย่างไม่รู้จบเลยค่ะ โดยสาว ๆ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอยู่ 2 อย่างด้วยกันในทุกครั้งที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งได้แก่สีผิวและสภาพผิวของเรานั่นเองค่ะ เพราะสองสิ่งนี้เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล ที่จะคอยเป็นตัวกำหนดว่าผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกซื้อมานั้น จะสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนผิวของเราหรือเปล่า
…
การเลือกบรอนเซอร์ตามสีผิว
เราจะเห็นได้ว่า ในท้องตลาดนั้นมีบรอนเซอร์ให้เลือกอยู่มากมายหลายเฉดสี ทำให้นักช้อปมือทองอย่างเราเลือกอย่างไม่ถูกกันเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าควรจะลงเอยกับสีไหนดี ไม่ต้องห่วงไปค่ะ เพราะเราก็ได้รวบรวมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ในการจับคู่สีผิวกับสีผลิตภัณฑ์มาแบ่งปันให้กับสาว ๆ ทุกคนเลยค่ะ โดยเราจะอาศัยกฏเหล็กหนึ่งข้อมีความเป็นสากล สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว ซึ่งก็คือให้เลือกสีผลิตภัณฑ์ที่เข้มกว่าสีผิวจริงของเราหนึ่งหรือสองเฉดค่ะ เพื่อจะช่วยให้เราได้บรอนเซอร์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และเข้ากับสีผิวของเรามากที่สุดนั่นเอง มาค่ะสาว ๆ เราลองมาดูกันดีกว่าว่า สีผิวแบบไหนจะต้องใช้บรอนเซอร์สีอะไรกันบ้าง
- ผิวสว่าง
สาว ๆ ที่มีผิวโทนนี้มักจะประสบปัญหาในการเลือกบรอนเซอร์เป็นอย่างมาก เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัว บวกกับการได้เห็นตัวอย่างในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในแบบผิด ๆ ทำให้สาว ๆ รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เกิดมาเพื่อตัวเรา เพราะไม่ว่าจะปัดอย่างไร สิ่งที่ได้คือความส้มแบบ 360 องศาทั่วใบหน้าแทนความบรอนซ์ บ่มแดดแบบเจโล แต่อันที่จริงแล้ว สำหรับสาวผิวสว่าง บรอนเซอร์นั้นถือเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับผิวได้ดีพอ ๆ กับบลัชเลยนะคะ โดยเมคอัพอาร์ติสท์เค้าแนะนำมาว่า ให้สาว ๆ มองหาเฉดสีน้ำตาลที่อมพีชหรืออมชมพูเล็กน้อย เพราะจะไม่ดูโดดจากความสว่างของใบหน้าไปมากนัก แถมยังไม่ทำให้ใบหน้าดูส้มอีกด้วยค่ะ
- ผิวกลาง
สำหรับสาวผิวสีกลาง ๆ แล้ว การตามสีบรอนเซอร์ที่ใช่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากเลยค่ะ เพราะตัวเลือกส่วนใหญ่ในท้องตลาดนั้น ถูกทำออกมาให้อยู่ในโทนสีที่ไม่เข้มหรืออ่อนจนเกินไป ให้ความบรอนซ์ที่พอดีกับสาวผิวกลาง ๆ แทบจะทุกตัวเลย แต่เพื่อความชัวร์แบบ 200 เปอร์เซ็นต์ เราขอแนะนำให้สาว ๆ เลือกสีบรอนเซอร์ให้อยู่ในอยู่ช่วงสีเอิร์ธโทนหรือสีคอปเปอร์ ที่ไม่ดูอุ่นหรือเย็นจนเกินไป เพราะเวลาที่ผิวของสาว ๆ บ่มแดดอย่างเต็มที่ ความแทนที่ได้ตามธรรมชาติจะอยู่ในช่วงของสองสีนี้นั่นเองค่ะ
- ผิวเข้ม
สาว ๆ คนไหนที่มีพื้นฐานเป็นคนสีผิวเข้ม อาจจะต้องทำใจสักเล็กน้อย เพราะเมื่อเทียบกับสาว ๆ สีผิวอื่นแล้ว เฉดสีของบรอนเซอร์สำหรับสาว ๆ นั้นมีให้เลือกน้อยมาก ๆ แต่ใช่ว่าจะหาไม่ได้เลยซะทีเดียวนะคะ เพราะในกลุ่ม High-end ก็มีตัวเลือกให้กับสาว ๆ อยู่ประมาณหนึ่ง และหลังจากที่สาว ๆ เลือกแบรนด์หรือฟอร์มูล่าที่ถูกใจได้แล้ว ให้ใช้สมาธิและกวาดสายตาหาเฉดสีที่อยู่ในโทนสีเข้ม อย่าง สีน้ำตาลช็อคโกแลต หรือสี Terracotta ที่เข้ม ๆ เพราะนั่นคือเฉดสีที่ช่วยเพิ่มความเปล่งปลั่งให้กับสีผิวของสาว ๆ ได้ดีที่สุดเลยค่ะ นอกจากนี้บรอนเซอร์สีเข้มที่มีประกายชิมเมอร์สีทอง ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับสาวผิวเข้ม เพราะความฉ่ำโกลว์จากชิมเมอร์ จะช่วยเพิ่มออร่าให้กับผิวของสาว ๆ ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
…
การเลือกบรอนเซอร์ตามสภาพผิว
การเลือกเนื้อผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของสาว ๆ จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และมอบผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการ โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาที่กวนใจตามมาในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความติดทน การตกร่อง หรือการจับตัวเป็นก้อนนั่นเองค่ะ
- สภาพผิวแห้ง
สำหรับสาว ๆ ที่มีสภาพผิวหน้าที่แห้งและขาดน้ำ บรอนเซอร์เนื้อครีมคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของสาว ๆ ค่ะ เพราะเนื้อครีมจะมีส่วนประกอบที่คอยเพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง แว็กซ์และน้ำมันเป็นหลัก และเมื่อความชุ่มชื้นของผลิตภัณฑ์มาเจอกับความขาดน้ำของผิว จะทำให้เกิดการถ่ายโอนความชุ่มชื้นจากเนื้อผลิตภัณฑ์ไปสู่ผิว ส่งผลให้เนื้อผลิตภัณฑ์ถูกล็อคให้อยู่กับที่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหลุดหรือจางหายไประหว่างวันเลยค่ะ นอกจากนี้ความชุ่มชื้นของเนื้อผลิตภัณฑ์จะช่วยเข้าไปเติมร่องรอยต่าง ๆ บนใบหน้า ให้ดูตื้นหรือเต็มมากขึ้นเล็กน้อย หมดกังวลเรื่องปัญหาการตกร่องของผลิตภัณฑ์ในช่วงระหว่างวันไปได้เลยค่ะ
- สภาพผิวมัน
โดยทั่วไปแล้วในระหว่างวัน น้ำมันในผิวหนังของสาว ๆ มักจะพยายามแทรกตัวออกมาสู่ผิวชั้นนอกตามรูขุมขนในที่ต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดการความมันส่วนเกินบนใบหน้า และการเคลื่อนตัวของผลิตภัณฑ์ที่เราทาลงไปอยู่เป็นประจำ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับผิวของเราเลยค่ะ แต่เมื่อสิ่งที่สาว ๆ ต้องการ คือความอยู่ยงคงกระพันของผลิตภัณฑ์งานผิว ทางเราขอแนะนำให้ สาว ๆ เดินหนีจากบรอนเซอร์เนื้อครีม แล้วไปจีบบรอนเซอร์เนื้อฝุ่นเอามาครอบครองดีที่สุดค่ะ เพราะนี่คือผู้พิทักษ์งานบรอนซ์ตัวจริงเสียงจริงที่สามารถต่อกรกับความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้ ซึ่งเค้าจะมีรูปแบบการทำงานคล้าย ๆ กับฟองน้ำเลย โดยจะคอยดูดซับความมันส่วนเกินแล้วกักเก็บไว้ในตัว พร้อมรอการปลดปล่อยในขั้นตอนความสะอาดนั่นเองค่ะ
- สภาพผิวผสม
ถ้าหากจะต้องให้เลือกจริง ๆ บรอนเซอร์ที่เหมาะกับสาวผิวผสมคือบรอนเซอร์เนื้อฝุ่นค่ะ เพราะด้วยลักษณะสภาพผิวที่ไม่ได้แห้งแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้โอกาสที่จะมีความมันส่วนเกินบนใบหน้าแทรกซึมออกมาได้แบบสาว ๆ ผิวมันนั้นยังมีอยู่ ฉะนั้นเราควรใช้ประโยชน์จากความเป็นเนื้อฝุ่น ที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับความมัน เอามายับยั้งและป้องกัน ไม่ให้เนื้อผลิตภัณฑ์เกิดการเคลื่อนตัวอย่างไร้จุดหมาย จนหลุดหรือจางหายระหว่างวันนะคะ
…
วิธีลงบรอนเซอร์ตามรูปหน้า
หลังจากที่เสร็จสิ้นภาระกิจการตามหาบรอนเซอร์ที่ใช่ ที่เข้าสีผิวและสภาพผิวของตัวเองได้แล้ว เราก็มาเรียนรู้วิธีการลงบรอนเซอร์ที่ถูกต้องกันต่อดีกว่าค่ะ ด้วยความที่แต่ละรูปหน้าก็มีเค้าโครงที่แตกต่างกัน ทำให้ลักษณะของการตกกระทบของแสงตามธรรมชาติก็ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน ฉะนั้นการลงบรอนเซอร์ให้ออกมาดูเป็นธรรมชาติ เนียนสวยรับกับใบหน้าของแต่ละคน สาว ๆ จะต้องใช้วิธีการลงตามรูปหน้าของเราเองค่ะ
- รูปหน้าทรงหัวใจ
สาว ๆ ที่มีใบหน้ารูปทรงหัวใจจะมีหน้าผากเป็นส่วนที่กว้างที่สุดและคางเป็นส่วนที่แคบที่สุด และการลงบรอนเซอร์ให้เข้ากับรูปหน้าของสาว ๆ จะต้องเน้นตรงช่วงบริเวณขมับและช่วงใต้โหนกแก้มเป็นหลัก โดยเริ่มลงผลิตภัณฑ์ที่ช่วงขมับ แล้วค่อย ๆ เกลี่ยลากยาวมาตามแนวไรผมไปจนถึงใต้โหนกแก้ม หลังจากนั้นให้เก็บรายละเอียดตรงบริเวณปลายคาง ด้วยการใช้เนื้อผลิตภัณฑ์ที่เหลือบนแปรงปัดเพิ่มลงไปสักเล็กน้อย เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้วค่ะ
- รูปหน้าทรงกลม
สาว ๆ ที่มีรูปหน้าทรงกลม จะมีส่วนโหนกแก้มบนใบหน้าที่เป็นส่วนที่กว้างที่สุด ในขณะที่บริเวณหน้าผากและช่วงคางจะดูแคบกว่า โดยแนะนำว่าให้เริ่มปัดตรงบริเวณพวงแก้มก่อนเป็นที่แรก หลังจากนั้นให้ปัดไล่ขึ้นไปยังบริเวณขมับ ให้ชิดกับแนวผมให้มากที่สุด แล้วไล่เกลี่ยเก็บรายละเอียดเพื่อความเป็นธรรมชาติอีกครั้งค่ะ
- รูปหน้าทรงวงรี
สาว ๆ ที่มีใบหน้าเป็นรูปทรงวงรี จะมีช่วงของใบหน้าที่ดูยาว บวกกับช่วงสันกรามที่ดูกลม ไม่ค่อยคมมากนัก จึงทำให้ใบหน้าดูเรียวยาวเป็นพิเศษ การลงบรอนเซอร์ที่เหมาะกับใบหน้าของสาว ๆ นั้นจะไม่ยุ่งยากเมื่อเทียบกับสาว ๆ ที่มีใบหน้ารูปอื่นเลยค่ะ โดยปัดเนื้อผลิตภัณฑ์ลงบนพวงแก้มอย่างเบา ๆ และเกลี่ยไปตามแนวไรผม เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ
- รูปหน้าทรงสี่เหลี่ยม
สาว ๆ ที่มีใบหน้าทรงสี่เหลี่ยม จะมีด้านยาวและด้านกว้างของใบหน้าที่ค่อนข้างเท่า ๆ กัน และจะมีช่วงสันกรามที่คมเป็นพิเศษ เพื่อให้งานบรอนซ์ที่ได้ดูรับกับใบหน้า ให้สาว ๆ ใช้วิธีการปัดให้เป็นรูป W นั่นเองค่ะ โดยให้เริ่มจากด้านข้างของพวงแก้ม แล้วปัดข้ามมาจนถึงสันจมูก ไล่ไปจนถึงด้านข้างของพวงแก้มอีกข้าง แล้วเกลี่ยให้เนื้อสีดูเนียนฟุ้งและกลืนไปกับผิวให้ได้มากที่สุดค่ะ
…
ทิปส์การใช้บรอนเซอร์สำหรับมือใหม่
สำหรับมือใหม่หัดบรอนซ์หลายคนในที่นี้ อาจจะเกิดความรู้สึกกังวลว่า “ฉันจะรอดไหม” เพราะยังรู้สึกว่าไม่ค่อยชินมือกับการลงบรอนเซอร์สักเท่าไหร่ แถมยังรู้สึกว่าการจะลงบรอนเซอร์ให้ออกมาดูดี มีความเป็นโปรเฟสชั่นแนลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ต้องห่วงค่ะสาว ๆ เพราะในวันนี้เราได้รวบรวมทิปส์ดี ๆ ที่ใช้ได้จริงจากเหล่ากูรู มาฝากทั้งหมด 4 ทิปส์ด้วยกัน เพื่อให้สาว ๆ ได้ทำความเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ควบคู่กับการฝึกฝนด้วยตัวเอง ขอรับประกันเลยค่ะว่าทิปส์เหล่านี้จะช่วยทำให้สาว ๆ สามารถลงบรอนเซอร์ออกมาได้สวยขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
1. ควรเริ่มอย่างเบามือ
ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร การเริ่มต้นอย่างเบามือคือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะจะช่วยลดโอกาสในการทำพลาดลงไปได้เยอะมาก ถ้าหากสาว ๆ ลงสีอ่อนเกินไป ก็สามารถเพิ่มความเข้มได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าหากสาว ๆ ลงอย่างหนักมือ อาจจะได้งานบรอนซ์ที่ดูเข้มกว่าสีผิวจริงไปมาก ทำให้ต้องเสียเวลาไปเกลี่ยให้ดูเบาบางอีกครั้งหนึ่ง แล้วถ้าหากเลือกใช้เป็นเนื้อครีมแล้วหล่ะก็ เรียกได้ว่างานงอกแบบช่วยไม่ได้เลยค่ะ อาจถึงขั้นที่ต้องลบทั้งหน้า แล้วต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ขั้นตอนการลงรองพื้นเลยค่ะ
2. ไม่ควรลงทั้งใบหน้า
เนื่องจากบรอนเซอร์นั้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เพิ่มสีสันในบริเวณที่เฉพาะเจาะจง ฉะนั้นการลงผลิตภัณฑ์ทั่วทั้งใบหน้าแบบไร้จุดหมายและขอบเขต จะทำให้สาว ๆ ได้ผลลัพธ์ที่สวนทางกับความเนียนสวย ดูเป็นธรรมชาติอย่างแน่นอนค่ะ และวิธีการที่ถูกต้องที่เหล่าเมคอัพอาร์ติสท์ละกูรูทั้งหลายต่างแนะนำคือ เราควรเน้นลงบรอนเซอร์ตรงบริเวณที่แสงแดดมักจะตกกระทบกับใบหน้าของเราเป็นที่แรก ซึ่งจะอยู่ในช่วงบริเวณหน้าผาก ดั้งจมูก โหนกแก้ม และบริเวณสันกรามของเราเป็นหลักนั่นเองค่ะ
3. ให้ความสำคัญกับการเกลี่ย
ถึงแม้ว่าสาว ๆ จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นที่สุดของบรอนเซอร์แล้ว แต่ถ้าหากสาว ๆ ไม่ให้ความสำคัญกับการเกลี่ยเนื้อผลิตภัณฑ์ให้เนียนสวยไปกับผิวจริงให้มากที่สุด งานบรอนซ์ของสาว ๆ ก็คงจะไม่มีบทบาทอะไรในลุคแต่งหน้านั้น ๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะจะดูเหมือนเป็นแค่สีน้ำตาลอุ่น ๆ ที่ถูกป้ายอยู่บนใบหน้าเท่านั้น พร้อมทำให้ใบหน้าแลดูไม่สะอาดและเกลี้ยงเกลาอีกด้วย แต่ถ้าสาว ๆ ให้เวลากับการเกลี่ยเพิ่มขึ้น งานบรอนซ์ที่ได้จะออกมาดูเนียนสวย เบาบาง ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ทำให้ลุคแต่งหน้าโดยรวมออกมาดูละมุน และดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ
4. อย่าลืมลงผลิตภัณฑ์บริเวณคอ
หลังจากลงผลิตภัณฑ์ที่ใบหน้าเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมปัดเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมตรงบริเวณลำคอด้วยนะคะ เพราะงานบรอนซ์ที่ดูนวลเนียน มีความเป็นธรรมชาติ ทั้งสีของใบหน้าและลำคอจะต้องตรงกันค่ะ และการที่สามารถเห็นความแตกต่างระหว่างสีใบหน้าและสีลำคอได้อย่างชัดเจนนั้น เป็นสัญญาณของความโป๊ะแบบที่อภัยให้ไม่ได้ ที่สาว ๆ คงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างแน่นอน และยิ่งถ้าสาว ๆ ต้องเปิดไหล่ เผยผิวสวยใสสักเล็กน้อย ก็ควรปัดบรอนเซอร์ตรงบริเวณดังกล่าวด้วยนะคะ เพื่อให้สีสันของใบหน้าและลำตัวดูสม่ำเสมอ เนียนสวยไปด้วยกัน
…
ส่งท้ายกันด้วย
ก็จบเป็นไปที่เรียบร้อยแล้วนะคะ สำหรับการแนะนำผลิตภัณฑ์บรอนเซอร์ 10 ตัวจาก 10 แบรนด์ดังด้วยกัน ซึ่งแต่ละตัวทางเราก็ตั้งใจคัดสรรมาให้อย่างเต็มที่ หวังว่าจะมีตัวใดตัวหนึ่งเป็นที่ถูกจิตประทับใจสาว ๆ นะคะ นอกจากนี้อย่าลืมนำวิธีการและทิปส์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ การเลือกผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ ไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองด้วยนะคะ รับรองได้เลยว่าสาว ๆ จะสามารถตามหาบรอนเซอร์ที่ใช่ และลงผลิตภัณฑ์ออกมาได้เนียนสวยแบบระดับมือโปรอย่างแน่นอน
แต่ว่าก็อย่าลืมที่จะฝึกฝนควบคู่กันไปด้วยนะคะ และอีกเรื่องที่สำคัญที่เราอยากจะเน้นย้ำอีกสักครั้ง คือความแตกต่างระหว่างบรอนเซอร์และคอนทัวร์นั่นเอง เพราะถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีหน้าตาที่คล้ายคลึงราวกับฝาแฝด แต่หน้าที่การทำงานในสนามจริงนั้น ไม่สามารถทำหน้าที่แทนกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉะนั้นสาว ๆ ควรมีบรอนเซอร์และคอนทัวร์อย่างละชิ้น เพื่อใช้ตามหน้าที่และจุดประสงค์ที่ถูกสร้างมาจะดีที่สุดค่ะ