แนะนำ 10 ลิปสติก ยี่ห้อไหนดี 2022 สีสวย สีแน่น ติดทนนาน ริมฝีปากเนียนสวย ไม่ตกร่อง
ลิปสติก เป็นอีกหนึ่งไอเทมหลักในการแต่งหน้า ที่นอกจากจะช่วยเติมเต็มสีสันให้กับริมฝีปาก เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับใบหน้าของเราแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิงเราได้อย่างไม่รู้จบ ฉะนั้นการได้เจอลิปสติกดี ๆ สีสวย เหมาะกับเราสักแท่ง ก็สามารถเพิ่มคะแนนอัพเลเวลการแต่งหน้าของเราให้ออกมาสวยและดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทั้งยังทำให้รู้สึกได้อีกด้วยว่าชีวิตดีและง่ายขึ้น ซึ่งนี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลยค่ะสาว ๆ เพราะเราต่างก็ได้เห็นจากเหล่าดาราเซเลบทั้งไทยและเทศหลายคน ที่ต่างก็มีลิปสติกซิกเนเจอร์เป็นของตัวเอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการสร้างความเฉิดฉาย และความสะดุดตาในการปรากฏตัวแต่ละครั้ง
ถึงแม้ว่าการพบเจอลิปสติกที่ใช่สำหรับตัวเองอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ยาก เมื่อต้องเทียบกับเทคนิคและวิธีการแต่งหน้าต่าง ๆ แต่ทว่าตอนนี้ในทั้งตลาดเครื่องสำอาง High-end และ Drugstore ต่างก็ไม่หยุดพัฒนาฟอร์มูล่าของตัวเองและปล่อยผลิตภัณฑ์ประเภทลิปออกมาแข่งขันกันอย่างไม่ขาดสาย จนทำให้ผู้หญิงที่รักการแต่งหน้าอย่างเรา ๆ ต่างเลือกซื้อกันไม่ถูก ครั้นจะซื้อมาทั้งหมดเลยก็ไม่ได้ เพราะยังต้องเหลือพื้นที่โต๊ะเครื่องแป้งให้กับเครื่องสำอางตัวอื่นด้วย
สาว ๆ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวันนี้เราได้ขนกองทัพลิปสติก ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด แถมมียอดขายสูงเป็นอันดับต้น ๆ ทั้งในโซนยุโรปและเอเชีย มาแนะนำกันจากหลากหลายแบรนด์ดังในบทความ แนะนำ 10 ลิปสติก ยี่ห้อไหนดี ที่ทั้งสีสวย เม็ดสีแน่น ติดทนนานทั้งวัน พร้อมให้ริมฝีปากเนียนสวย ไม่มีตกร่อง ไปติดตามกันได้เลยค่ะ !
….
อยากอ่านตรงไหน กดได้เลย
ทำไมจึงต้องทาลิปสติก?
อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้นแล้วว่า ลิปสติกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแต่งเติมสีสันและเพิ่มความมีชีวิตชีวา พร้อมเสริมสร้างความมั่นใจ ให้เราดูเป็นสาวมั่นที่ดูแลตัวเองอยู่เป็นประจำ จนเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมสำคัญในการแต่งหน้า ที่ทำให้ลุคโดยรวมออกมาดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น
นอกจากนี้ การทาลิปสติกยังสามารถสะท้อนภาพลักษณ์ บ่งบอกตัวตนของตัวเราได้อีกทางหนึ่งด้วย เพราะแต่ละสีสันที่ถูกแต่งแต้มลงบนริมฝีปาก ล้วนแต่สื่อความหมายและมี First Impression เป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสีแดงที่ทำให้เราดูเป็นสาวมั่นและสาวเซ็กซี่ สีชมพูหรือสีคอรัลที่บ่งบอกความเป็นสาวหวาน สีส้มที่ให้ความรู้สึกดูเป็นคนที่สดใสและสนุกสนาน หรือจะเป็นสีตระกูลเบอร์รี่ สีโทนอิฐและสีดำที่ทำให้ดูเป็นสาวผู้ลึกลับน่าค้นหา เป็นต้นค่ะ
….
ประเภทของเนื้อลิปสติก
ในปัจจุบันนี้ รูปแบบของเนื้อลิปสติกถูกพัฒนาออกมาอย่างหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เนื้อลิปจะสอดคล้องกับฟินิชลุคเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อลิปตามมาตรฐานทั่วไปอย่าง แมตต์ หรือ กลอส ที่ให้ฟินิชลุคในแบบเฉพาะเจาะจง หรือจะเป็นลิปสติกลูกผสมที่ให้เนื้อสัมผัสใหม่ ๆ พร้อมกับฟินิชลุคถึง 2 รูปแบบในการทาเพียงครั้งเดียว ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทำให้สาว ๆ เกิดความงุนงง จนทำให้เลือกกันไม่ถูกว่าควรใช้ลิปสติกแบบไหนดี เพื่อให้เป็นการง่ายต่อการเข้าใจ เราจึงได้ทำการสรุปประเภทของเนื้อลิปสติกที่สามารถพบได้ทั่วไปทั้งหมด 6 รูปแบบหลัก ๆ ด้วยกัน ดังนี้ค่ะ
เนื้อแมตต์ : เป็นลิปที่ให้ฟินิชลุคที่ดูแห้งด้าน ไม่มีประกายของชิมเมอร์หรือความแวววาวใด ๆ เพราะมีสัดส่วนของแว็กซ์ที่มากกว่าน้ำมัน ทั้งยังมีอัตราส่วนพิกเมนต์สีที่สูงมาก ๆ ทำให้ได้สีสันที่สดและชัดเจนมากที่สุดในบรรดากลุ่มลิปสติก ทั้งยังมีระดับความติดทนที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ทำให้แทบไม่ต้องเติมหรือทาทับหลายเลเยอร์ แต่อาจทำให้ริมฝีปากรู้สึกแห้งตึงในช่วงระหว่างวันเล็กน้อย
เนื้อครีม : ให้ความรู้สึกเหมือนกับลิปสติกเนื้อลูกผสมระหว่างลิปแมตต์และลิปกลอส เพราะให้ทั้งเม็ดสีที่ชัดเจนแบบลิปแมตต์ พร้อมกับสัมผัสที่เนียนนุ่มชุ่มชื้นและฟินิชลุคที่แวววาวคล้ายคลึงกับลิปกลอสนั่นเอง จึงมีระดับความติดทนที่ไม่สูงมากนัก อาจจะต้องเติมอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้ได้สีที่คมชัดสะบัดช่อแบบลิปเนื้อแมตต์
เนื้อเชียร์หรือซาติน : มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับลิปครีมเลยค่ะ แต่จะให้ความฉ่ำวาวบนริมฝีปากมากกว่า และยังถือว่ามากที่สุดในกลุ่มลิปสติกที่มาในรูปแบบแท่ง จนอาจจะเทียบได้กับผลลัพธ์ที่ลิปกลอสมอบให้เลยทีเดียว ทั้งนี้เป็นเพราะว่าลิปสติกประเภทนี้ มีส่วนประกอบที่เป็นน้ำมันค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับส่วนประกอบสำคัญอื่น ๆ อย่าง แว็กซ์และพิกเมนต์สี แต่นั่นก็ทำให้ความชัดเจนของสีและระดับความติดทน ก็ลดหลั่นไปจากลิปแมตต์และลิปครีม
เนื้อชิมเมอร์ : จะมีสัมผัสและระดับความติดทนคล้ายคลึงกับลิปครีม แต่จะมีส่วนผสมที่ให้ความระยิบระยับ เล่นแสงสู้ไฟมากขึ้นอย่างชิมเมอร์เพิ่มเข้ามา ซึ่งจะช่วยทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและโดดเด่นมากขึ้น
เนื้อกลอส : เป็นลิปที่มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำมัน จึงให้ความฉ่ำวาวและความชุ่มชื้นมากที่สุดในบรรดากลุ่มผลิตภัณฑ์ลิปสติก ทั้งยังให้สัมผัสที่นุ่มลื่น สามารถเกลี่ยไปตามรูปปากได้ง่าย แต่จะได้เม็ดสีที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก แถมระดับความติดทนก็ถือว่าค่อนข้างน้อย
เนื้อสเตนหรือทินท์ : เป็นอีกหนึ่งลูกผสมระหว่างลิปแมตต์และลิปกลอส มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างเหลวคล้ายคลึงกับลิปกลอส และให้ฟินิชลุคที่ดูด้าน พร้อมกับมีปริมาณเม็ดสีที่ชัดเจนและเข้มข้นมากที่สุดเหมือนกับลิปแมตต์ แถมยังติดทนนานและแทบไม่ต้องเติมระหว่างวันเลยค่ะ
….
ตารางสรุปข้อมูลลิปสติกแบบรวบรัด
…
แนะนำ 10 ลิปสติก ยี่ห้อไหนดี สีสวย สีแน่น ติดทนนาน ริมฝีปากเนียนสวย ไม่ตกร่อง
เรารู้ว่าสาว ๆ อยากมีลิปสติกในดวงใจที่เป็นสีใหม่ หรือยี่ห้อใหม่กันแล้วใช่ไหมเอ่ย มาค่ะ เรามาเริ่มดูไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าว่ามีคุณคนไหนที่โดดเด่นและน่าสนใจกันบ้าง
…
▼▼ ลิปสติก PAT MCGRATH LABS Mattetrance Lipstick ▲▲
….
หลังจากถูกเปิดตัวมาได้เพียงไม่นาน คุณคนนี้ก็ขึ้นแท่นเป็นลิปสติกระดับตำนาน อยู่บนจุดสูงสุดของผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะมีดีกรีเป็นถึงผลงานจากการสร้างสรรค์โดยคุณ Pat McGrath เมคอัพอาร์ติสต์ชื่อดังระดับโลก ที่ได้ทำงานร่วมกับเหล่าเซเลบแถวหน้าของวงการและแฟชั่นเฮาส์โอต์กูตูร์ระดับโลกทั้งหลายมามากกว่า 25 ปีด้วยกัน จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “คุณแม่” แห่งวงการความงามระดับโลกเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งในปี 2015 ที่ผ่านมา คุณ Pat ก็ได้เปิดตัวแบรนด์ของเครื่องสำอางของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า PAT MCGRATH LABS ทำเอากูรูและเมคอัพจังกี้ทั้งหลายต่างก็รู้สึกตื่นเต้นและตั้งตารอการเปิดตัวลิปสติกรุ่น Mattetrance กันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะแค่เห็นพรีวิวก็ทำให้รู้สึกเลยว่า “ต้องมี” และ “คุณแม่” ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังค่ะ
คุณ Mattetrance นั้นเป็นลิปสติกรุ่นแรกที่ถูกเปิดตัวในปี 2016 และได้เลื่อนขั้นกลายมาเป็นตัวชูโรงของทางแบรนด์อย่างรวดเร็ว โดยเป็นลิปสติกเนื้อแมตต์ที่ละเอียดและเนียนนุ่ม ให้สัมผัสหรูหราคล้ายกับผ้ากำมะหยี่ชั้นดี ที่สามารถเข้าเติมร่องลึกและเพิ่มวอลลุ่ม ให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและนุ่มฟูได้อย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังติดทนยาวนานถึง 8 ชั่วโมง โดยไม่ทำให้ริมฝีปากรู้สึกแห้งตึงหรือดูแห้งกรัง และสามารถเติมระหว่างวันได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าเนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นคราบหรือจับตัวเป็นก้อนเลยค่ะ ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งหมดกว่า 30 เฉดสี โดยจะถูกแบ่งออกมาเป็น 3 กลุ่มเฉดสีหลักด้วยกัน ได้แก่ กลุ่ม Skin Show ที่จะเป็นสีโทนนู้ด กลุ่ม Colour Blitz ที่ให้สีสันที่สดและเจิดจ้า และกลุ่ม Vicious Venoms ที่มีสมาชิกเป็นลิปสติกสีโทนก่ำและเบอร์รี่ แต่สีที่ทางเรายกให้เป็นที่สุดของที่สุดคือสี Omi และสี Flesh 5 จากตระกูล Skin Show นั่นเองค่ะ
ราคา | 1,500 บาท |
ขนาด | 4 g |
Finish Look | แมตต์ |
ส่วนผสมบำรุง | Hydrogenated Soybean Oil, Squalane |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | อังกฤษ |
.
▼▼ ลิปสติก Tom Ford Beauty Lip Color ▲▲
….
ลิปสติกเนื้อซาตินรุ่น Signature ตัวนี้จาก Tom Ford เป็นลิปสติกระดับ Luxury ที่ถูกเล่าลือกันว่าเป็นสุดยอดลิปสติก ที่ผู้หญิงทุกคนควรมีสักแท่งในชีวิต ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลยค่ะ เพราะเป็นลิปสติกที่ทั้งบิวตี้กูรูชื่อดังหลายคนและสาว ๆ ผู้ที่ชื่นชอบในเรื่องความสวยความงามจากทั่วโลก ต่างก็ยกให้เป็นลิปสติกระดับ Luxury ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะทำหน้าที่ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ สมกับราคาที่จ่ายไปทุกบาททุกสตางค์จริง ๆ ไล่ตั้งแต่เนื้อสัมผัสที่เบาบางสบายริมฝีปากตลอดการทา สีสันที่สดและคมชัดพร้อมกับฟินิชลุคแบบแวววาว ที่ดูเรียบหรู มีความเป็นกูตูร์แบบไม่ต้องพยายาม ไปจนถึงระดับความติดทนที่อยู่ในช่วง 4-6 ชั่วโมง ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจ และถือว่าทำได้ดีมากสำหรับลิปสติกเนื้อซาติน แถมยังไม่มีท่าทีว่าจะจับตัวเป็นก้อนหรือลอกเป็นคราบเลยค่ะ
อีกหนึ่งความเลอค่าที่จะไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือแพ็กเกจนั่นเอง เพราะทำออกมาได้ดูเรียบง่ายแต่สวยหรูเป็นอย่างมาก สะดุดตาทุกองศาทุกมุมมองอย่างแท้จริง จนทำให้ใครหลายคนอยากจะหยิบออกมาใช้อยู่บ่อย ๆ โดยไม่มีสาเหตุและความจำเป็นใด ๆ เลยค่ะ และในส่วนของตัวเลือกเฉดสีที่ทำออกมา ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้คุณคนนี้โดดเด่นจากลิปสติก Luxury ตัวอื่น ๆ เพราะทำออกมาได้สวยและเป็นเอกลักษณ์มาก จนถึงขั้นเมื่อทาแล้วก็รู้ได้เลยว่าคุณคือสาว Tom Ford ซึ่งสีที่สร้างชื่อและครองใจสาว ๆ จากทั่วโลกมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นสี Spanish Pink ที่ออกโทนนู้ดชมพูและอมสมเล็กน้อย และสี Casablanca ที่ออกชมพูตุ่น ๆ ให้ความรู้สึกเป็นสี MLBB ในแบบฉบับสาวฝรั่งนั่นเองค่ะ ถ้าสู้ความแรงของราคาไหว ขอเชียร์ให้ไปลอง แล้วสาว ๆ จะลืมลิปสติกแท่งอื่นไปเลยก็ได้ค่ะ
ราคา | 1,800 บาท |
ขนาด | 2.8 g |
Finish Look | ฉ่ำวาว |
ส่วนผสมบำรุง | Tocopherol, Squalane, Wheat Germ Extract, Soybean Extract, Barley Extract, Coconut Seed Butter, Chamomile Flower Oil, Shea Butter |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
.
▼▼ ลิปสติก URBAN DECAY Vice Lipstick Comfort Matte ▲▲
….
…
แม้ว่าจะเป็นที่รู้จักและยอมรับกันอย่างกว้างขวางจากผลิตภัณฑ์ตกแต่งดวงตา แต่ทว่าผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปากของ URBAN DECAY นั้นถือเป็นอีกไอเทมเด็ดที่สาว ๆ ผู้ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ลิปสติกไม่ควรพลาดเลยค่ะ ด้วยความที่ URBAN DECAY ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ระดับ High-end จากฝั่งสหรัฐอเมริกา ที่มีความเก่งกาจในการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทสีสัน ให้ออกมาคมชัด ฉูดฉาด ปาดครั้งเดียวคือจบอยู่แล้ว ทำให้มั่นใจได้เลยว่า งานแต่งเติมสีสันให้กับฝีปากทางแบรนด์ก็เต็มที่และทำออกมาได้ดีอย่างแน่นอนค่ะ โดยก่อนหน้านี้ทางแบรนด์ได้ทำการปรับฟอร์มูล่าและพัฒนารูปโฉมลิปสติกเดิมทั้งหมด และได้นำมาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในช่วงปี 2016 ที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อลิปสติกรุ่นใหม่ทั้งหมดว่า Vice Lipstick ที่ได้ถูกปล่อยออกมาทั้งหมดกว่า 100 เฉดสีและให้เลือกถึง 6 ฟินิชลุคด้วยกัน
และคุณคนนี้ที่เราอยากจะพามาแนะนำกับสาว ๆ เป็นลิปสติกรุ่น Comfort Matte ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากลิปสติกตระกูล VICE Collection เลยค่ะ โดยเป็นลิปสติกเนื้อแมตต์ที่ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับลิปครีม แต่ว่าเนื้อจะแน่นและเข้มข้นมากกว่า ฟินิชลุคที่ได้จะอยู่กึ่งกลางระหว่างความแมตต์และความซาติน ซึ่งคุณภาพและความคมชัดของสีก็เป็นไปตามมาตรฐานของทางแบรนด์เลยค่ะ เพราะแค่ปาดออกมาเพียงครั้งเดียว ก็ได้สีเรียวปากที่สดและแน่นมาก ๆ ทั้งยังรู้สึกเบาสบายพร้อมได้รับการบำรุงให้นุ่มชุ่มชื้นตลอดเวลา โดยสีที่ถูกโหวตให้เป็นที่สุดของรุ่นนี้คือ สี 1993 และสี Hitch Hike ค่ะ ถ้าสาว ๆ ได้ไปลอง ขอรับรองเลยว่าจะไม่พบเจอกับคำว่าผิดหวังแน่นอน
ราคา | 850 บาท |
ขนาด | 3.25 ml |
Finish Look | แมตต์ |
ส่วนผสมบำรุง | Squalane, Hydrogenated Olive Oil, Soybean Oil, Orbignya Oleifera Seed Oil, Jojoba Seed Oil, Cocoa Seed Butter, Avocado Oil, Shorea Stenoptera Seed Butter, Shea Butter |
แอลกอฮอล์ | ✓ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
.
▼▼ ลิปสติก MAC Power Kiss Lipstick ▲▲
….
….
สำหรับตำแหน่งแบรนด์เครื่องสำอางที่สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ลิปสติกให้ออกมาโดดเด่น ดูนำเทรนด์ก่อนใคร คงจะต้องยกให้ MAC เค้าเลยหล่ะค่ะ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี หรือต้องเจอคู่ต่อสู้ทั้งเก่าและใหม่มามากเท่าไหร่ ชื่อของแบรนด์นี้ก็ยังคงติดท็อปแบรนด์ที่ทำลิปสติกออกมาได้ดีที่สุดตลอดกาลอยู่เสมอ ถึงขั้นเมื่อได้กล่าวชื่อ MAC ออกมาแล้ว ก็เป็นต้องพูดถึงผลิตภัณฑ์งานปากของแบรนด์เป็นก่อนอันดับแรกเลยล่ะค่ะ และเจ้าตัวลิปสติกจากคอลเคลชั่น Powder Kiss ที่เราได้เลือกมาแนะนำนั้นก็ได้สร้างเสียงฮือฮา สร้างความใจเต้นในทั้งหมู่เมคอัพจังกี้และบิวตี้กูรูทั้งในไทยและเกาหลีเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นคอลเลคชั่นพิเศษของ MAC ที่ถูกเปิดตัวในเอเชียเป็นที่แรกแล้ว ยังมาพร้อมกับฟอร์มูล่าที่ทั้งโดดเด่นและแปลกใหม่ และฟินิชลุคที่ยังไม่มีแบรนด์ใดจากฝั่งยุโรปเคยทำได้มาก่อนอีกด้วย
โดยคุณคนนี้ได้ถูกพัฒนามาจากเทคนิคการทาปากแบบฉบับเมคอัพอาร์ติสต์จาก MAC Backstage ด้วยเทคนิคการแต่งเติมสีสันให้คมชัด แล้วทำการเกลี่ยสีและไล่ระดับความเนียนฟุ้ง ให้ริมฝีปากดูเบลอและเรียบเนียน ไร้ร่องลึกและรอยต่อ ให้ได้ลุคซอฟท์แมตต์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และอีกความพิเศษที่ทางแบรนด์ได้ตั้งใจคิดค้นขึ้นมา และนำมาเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าลิปสติกรุ่นนี้โดยเฉพาะคือ พิกเมนต์เนื้อฝุ่นแบบพิเศษที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาและเนียนนุ่ม ซึ่งจะถูกเคลือบด้วยสารสกัดที่ให้ความชุ่มชื้น โดยจะช่วยกันทำงานผสานพลังในการมอบสีสันที่คมชัด พร้อมทำให้ริมฝีปากรู้สึกชุ่มชื้นและได้รับการบำรุงอย่างยาวนาน จนอาจทำให้สาว ๆ ลืมไปเลยค่ะว่า นี่คือผลลัพธ์ที่ได้ลิปสติกเนื้อแมตต์
ราคา | 890 บาท |
ขนาด | 3 g |
Finish Look | แมตต์ |
ส่วนผสมบำรุง | Tocopherol (Vitamin E) |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
.
▼▼ ลิปสติก Shiseido Visionairy Gel Lipstick ▲▲
….
….
แบรนด์ดังรุ่นใหญ่จากญี่ปุ่นอย่าง Shiseido ก็ได้ปล่อยสุดยอดลิปสติกที่มาในรูปแบบเนื้อเจลอันอ่อนนุ่ม ที่มอบสัมผัสและความรู้สึกแปลกใหม่ เพราะเมื่อทาลงไปจะได้ความเปล่งประกายแวววาวบนริมฝีปาก และเมื่อปล่อยให้เซ็ตตัวไปสักพัก เนื้อลิปสติกจะแห้งและมอบฟินิชลุคแบบซอฟท์แมตต์ที่ดูนุ่มละมุน แลดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้คูณคนนี้ยังเป็นลิปสติกหนึ่งเดียวของทางแบรนด์ ที่ได้ถูกผสมผสานเข้าด้วยกับเทคโนโลยี Triple Gel ที่ช่วยมอบความชุ่มชื้น พร้อมสัมผัสที่นุ่มลื่นและเบาสบายให้กับริมฝีปาก และยังอุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอย่างโจโจ้บา เอสเตอร์และ Wax จากเมล็ดทานตะวัน ที่มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ให้ริมฝีปากเนียนนุ่ม ดูมีสุขภาพดีตลอดการทา
แม้จะมีความเป็นเนื้อเจลที่บางเบา แต่เม็ดสีที่ได้ไม่ได้บางเบาไปตามเนื้อสัมผัสเลยค่ะ เพราะแค่ปาดเนื้อผลิตภัณฑ์เพียงแค่ครั้งเดียว ก็ได้สีสันที่ออกมาสวยสดและชัดเจน สามารถเคลือบสีปากเดิมได้อย่างมิดชิดและแนบสนิท และในเรื่องของเฉดสี ก็ทำออกมาได้น่าสนใจมาก ๆ โดยทางแบรนด์ได้แรงบันดาลใจมาจากความเป็นโตเกียวที่ทันสมัย ที่ทั้งดูเนี้ยบและสดใส สนุกสนานในเวลาเดียวกัน โดยมีให้เลือกทั้งหมดมากถึง 28 เฉดสีด้วยกัน ครอบคลุมทุกโทนทุกความต้องการของสาว ๆ ทุกคน ซึ่งมีตั้งแต่โทนแดง คอรัล ชมพู นู้ด น้ำตาล และเบอร์รี่ แต่ถ้าหากจะให้แนะนำสีที่ดีที่สุดของคุณคนนี้แล้วหล่ะก็ ทางเราสามารถบอกได้อย่างไม่ลังเลเลยค่ะว่า สี Ginza Red และ สี Shisuka Red คือที่สุดแล้ว
ราคา | 950 บาท |
ขนาด | 1.6 g |
Finish Look | ฉ่ำวาว |
ส่วนผสมบำรุง | Jojoba Esters, Sunflower Seed Wax, Acacia Decurrens Flower Wax, Glycerin |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | ญี่ปุ่น |
.
▼▼ ลิปสติก BOBBI BROWN Luxe Shine Intense Lipstick ▲▲
….
“ความหรูหราที่มาในรูปแบบลิปสติก” คงเป็นคำบรรยายที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับเจ้า Luxe Shine Intense จาก BOBBI BROWN นั่นเองค่ะ เพราะครบทั้งความใส่ใจ คุณภาพและความเรียบหรูในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าเป็นทั้งในด้านแพ็กเกจที่มาในสไตล์เรียบหรูตามแบบฉบับ BOBBI BROWN ที่ให้ความรู้สึกพิเศษทุกครั้งที่หยิบมาใช้ หรือจะเป็นในเรื่องของเนื้อผลิตภัณฑ์ก็แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าเพอร์เฟค โดยคุณเค้าจะมอบสัมผัสที่อ่อนนุ่ม และเข้าเคลือบริมฝีปากอย่างเบาบาง แต่ให้สีสันที่คมชัด สามารถกลบสีปากเดิมอย่างดี พร้อมเล่นแสงส่งประกายแวววาวเล็กน้อย ให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและนุ่มนวล แลดูมีสุขภาพดีทันทีหลังจากลงผลิตภัณฑ์ แถมยังติดแน่นทนนาน ปากดูสวยได้รูปตลอดวัน จนไม่อย่างจะเชื่อว่าคุณเค้าคือลิปสติกเนื้อซาตินเลยค่ะ
นอกจากความหรูหราในทุกด้านแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คุณคนนี้มีความโดดเด่นต่างจากเพื่อน ๆ ตัวอื่น ก็คือเรื่องการฟื้นฟูและช่วยบำรุงริมฝีปากได้อย่างล้ำลึกนั่นเอง โดยจะมีผู้ช่วยคุณภาพเยี่ยมอย่าง กรดไฮยาลูโรนิคและวิตามินอี ที่ช่วยมอบความชุ่มชื้น ทำให้ริมฝีปากดูนุ่มฟูและเรียบเนียน และสารสกัดจากพืชพรรณธรรมชาติอย่าง น้ำมันดอกคาโมมายและน้ำมันคาสเตอร์ ที่ผสานพลังช่วยล็อกความชุ่มชื้นให้อยู่กับริมฝีปากอย่างยาวนาน ส่วนเรื่องของตัวเลือกเฉดสีก็ทำออกมาได้สวยหรู ดูเลอค่ามาก ๆ โดยสีที่ถูกแนะนำและแต่งตั้งให้เป็นสีที่ดีที่สุดของลิปสติกรุ่นนี้คือสี Claret และสี Bare Truth นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นสีที่เข้ากับทุกสีผิว ดูดีกับทุกอันเดอร์โทน มีความเป็น Universal สุด ๆ เลยค่ะ
ราคา | 1,450 บาท |
ขนาด | 3.4 g |
Finish Look | ฉ่ำวาว |
ส่วนผสมบำรุง | Salicornia Herbacea Extract, Matricaria Flower Oil, Castor Seed Oil, Hydrogenated Castor Oil, Ceramide Ng |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
.
▼▼ ลิปสติก LANEIGE Layering Lip Bar ▲▲
….
หากพูดถึงผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปาก แล้วไม่พูดถึงลิปสติกจากฝั่งเกาหลี ก็คงจะรู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง เพราะนอกจากจะมีให้เลือกมากมายในหลากหลายช่วงราคา ยังทำโทนสีออกมาได้โดนใจ น่าหยิบน่าใช้มาก ๆ และมักจะมากับลูกเล่นที่แปลกใหม่และน่าสนใจอยู่เสมอ โดยเจ้า Layering Lip Bar ซึ่งเป็นน้องสาวคนล่าสุดจากตระกูล Lip Bar ลิปสติกรุ่น Signature ของทางแบรนด์ LANEIGE ที่มาในรูปทรงสี่เหลี่ยมพร้อมหัวตัดแนวเฉียงที่มีองศารับกับริมฝีปากพอดี ก็เป็นลิปสติกรุ่นยอดนิยมจากกลุ่ม High-end จากฝั่งเกาหลี ที่ได้สร้างเสียงฮือฮาทั้งในหมู่บิวตี้กูรู และสาว ๆ ที่ชื่นชอบการแต่งหน้าสไตล์เกาหลีอยู่พักใหญ่เลยค่ะ
โดยความพิเศษของคุณคนนี้คือ เป็นลิปสติกที่มีเนื้อสีเรียงตัวไล่ระดับมากถึง 6 เฉดสีในแท่งเดียว ทำให้สามารถสร้างลุคปาก Gradient แบบสาวเกาหลี ให้ออกมาดูเรียบเนียนไร้รอยต่อได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเสียเวลาเกลี่ยเพิ่มเติมหรือใช้แปรงมาช่วยเลยค่ะ แถมยังมีให้เลือกทั้งหมด 20 เฉดสีที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ไล่ตั้งแต่โทนแดง ส้ม ชมพู ไปจนถึงเบอร์รี่ นอกจากนี้ยังมีฟินิชลุคให้เลือก 2 รูปแบบด้วยกัน โดยจะมีแบบเนื้อครีมที่ให้สีสันสดใสพร้อมฟินิชลุคแบบฉ่ำวาว ริมฝีปากดูนุ่มชุ่มชื้น และแบบเนื้อแมตต์ที่ให้สีสันคมชัด พร้อมริมฝีปากที่ดูเรียบเนียนและไม่ดูแห้งตึง แต่ระดับความติดทนนานของรุ่นนี้ยังไม่สูงมากนัก อาจทำให้ต้องเติมระหว่างอยู่บ้าง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าสาว ๆ ได้เห็นของจริงและลองสวอชดู ก็คงต้องมีการพากลับบ้านมากกว่า 1 แท่งแน่นอนค่ะ
ราคา | 950 บาท |
ขนาด | 1.9 g |
Finish Look | แมตต์ / ฉ่ำวาว |
ส่วนผสมบำรุง | Lycium Chinense Fruit Extract, Raspberry Fruit Extract, Blueberry Fruit Extract, Coffee Seed Extract, Cranberry Fruit Extract, Chenopodium Quinoa Seed Extract |
แอลกอฮอล์ | ✓ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
.
▼▼ ลิปสติก CANMAKE Melty Luminous Rouge ▲▲
….
….
แบรนด์เครื่องสำอางสไตล์สาวหวานจากแดนปลาดิบ ที่มีราคาน่าคบอย่าง Canmake ก็ได้เปิดตัวลิปสติกรุ่นใหม่ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และก็ได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดีจากทั้งสาวกของแบรนด์เองและผู้ใช้จริงหลายคน โดยจะเห็นได้จากกระแสรีวิวทั่วทั้งโลกอินเตอร์เน็ต ที่ต่างก็รู้สึกแฮปปี้กับคุณคนนี้มาก ถึงขั้นต้องหยิบมาใช้แทบทุกวันเลยค่ะ เพราะเป็นลิปสติกที่เนื้อเนียนนุ่มที่เกลี่ยง่าย และให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปากได้เป็นอย่างดี ซึ่งคุณคนนี้มีส่วนผสมหลักเป็นน้ำมันและปิโตเลียมเจลลี่ ที่นอกจากจะช่วยมอบความชุ่มชื้น ยังให้สัมผัสที่เนียนนุ่มพร้อมกับฟินิชลุคที่ฉ่ำวาวแบบกำลังดี โดยไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหรือหนักปากเลยค่ะ ซึ่งสาว ๆ ที่ชอบลุคริมฝีปากที่มีความเป็นธรรมชาติสูง น่าจะถูกใจเจ้าตัวนี้เป็นพิเศษ
โดยในทางชอปไทยก็ได้นำเข้ามาวางจำหน่ายทั้งหมด 5 เฉดสีด้วยกัน ซึ่งล้วนแต่เป็นเฉดสีที่ทาง่าย เหมาะกับการแต่งหน้าทุกวัน และอีกหนึ่งความดีของคุณเค้าคือสามารถทาทับ เพิ่มระดับความฉ่ำวาวและความคมชัดของเฉดสีได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะจับตัวเป็นก้อน หรือจะไปเน้นร่องปากให้เด่นขึ้นเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นลุคสบาย ๆ ที่ต้องการสีปากแบบเบา ๆ หรือลุคแซ่บที่ดูแน่นกำลังดี พร้อมกับเรียวปากที่สีเข้มขึ้น เจ้าลิปตัวนี้ก็สามารถมอบสีสันให้กับริมฝีปากของสาว ๆ ได้หมดทุกรูปแบบ และทางแบรนด์ได้ฝากทิ้งท้ายไว้เล็กน้อยว่า ด้วยความที่เนื้อลิปสติกถูกออกแบบมาให้มีความนุ่มเป็นพิเศษ สาว ๆ จึงควรเก็บให้พ้นจากแสงแดดหรือหลีกเลี่ยงการจัดเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูงนะคะ เพื่อไม่ให้ลิปสติกละลายหรือเสียรูปทรง
ราคา | 315 บาท |
ขนาด | 3.8 g |
Finish Look | ฉ่ำวาว |
ส่วนผสมบำรุง | Tocopherol (Vitamin E) |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✘ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | ญี่ปุ่น |
.
▼▼ ลิปสติก 3CE Cloud Lip Tint ▲▲
….
…
คุณคนนี้เป็นลิปสติกเนื้อทินท์รุ่นล่าสุดจากแบรนด์ 3CE ที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพื่อเอาใจสาว ๆ ที่ชื่นชอบเนื้อลิปที่เบาบางเป็นพิเศษ แต่ยังคงให้เม็ดสีที่ชัดเจน แถมยังติดแน่นทนนานตลอดวันโดยเฉพาะ ซึ่งเจ้าฟอร์มูล่าของลิปตัวนี้ ถูกพัฒนาให้ออกมามีสัมผัสที่อ่อนนุ่ม เนื้อเกลี่ยง่ายและไร้ขอบ ทั้งยังให้ความรู้สึกบางเบาดุจปุยเมฆ พร้อมให้ฟินิชลุคแบบแมตต์สนิทที่ดูเนียนนุ่มดุจกำมะหยี่ ทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี ไม่มีแห้งตึงหรือดูด้านเหมือนกับลิปแมตต์ทั่วไป จนเหมือนใส่ฟิลเตอร์ความนุ่มนิ่มให้กับริมฝีปากของสาว ๆ เลยค่ะ
เฉดสีที่ทำออกมานั้นเป็นโทน MLBB ทั้งหมด 12 เฉดสีเลยค่ะ โดยจะเน้นสีโทนอิฐ โทนน้ำตาลเป็นหลักและมีโทนชมพูปะปนมาเล็กน้อย ซึ่งน่าจะถูกใจสาวสายเกา โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีผิวโทนอุ่นเป็นพิเศษ เพราะเป็นโทนสีที่ช่วยเพิ่มออร่าและความมีชีวิตชีวาให้กับใบหน้าของสาว ๆ ผิวโทนนี้ได้ดีที่สุดเลยค่ะ นอกจากนี้ตัวแปรงที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ ก็ไม่เหมือนกับลิปรุ่นอื่น ๆ ของแบรนด์ เพราะถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้กับลิปรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยมีหัวแปรงรูปทรงหยดน้ำที่เอียงรับกับรูปปากพอดี ช่วยให้ระบายไปตามรูปปาก พร้อมเพิ่มความคมชัดและเก็บลายอะเอียดได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นสายเกาหรือสายฝอ ถ้าได้ลองเป็นต้องติดใจทั้งในเรื่องเฉดสีและเนื้อสัมผัสแน่นอนค่ะ
ราคา | 690 บาท |
ขนาด | 4 g |
Finish Look | แมตต์ |
ส่วนผสมบำรุง | Glycerin, Tocopheryl Acetate |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
.
▼▼ ลิปสติก JUNG SAEM MOOL Lip-pression ▲▲
….
ถ้าจะกล่าวถึงแบรนด์ระดับ High-end จากเกาหลี ที่ทำผลิตภัณฑ์ประเภทลิปออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์และดูน่าสนใจเป็นอย่างมาก ชื่อของแบรนด์ Jung Saem Mool คงเป็นชื่อที่เหล่ากูรูและเมคอัพจังกี้ทั้งหลายเลือกที่จะเอ่ยถึงออกมาเป็นชื่อแรก ๆ อย่างไม่ต้องลังเลเลยค่ะ เพราะต่างก็ประทับใจทั้งในเรื่องของคุณภาพของตัวผลิตภัณฑ์และความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ทางแบรนด์ตั้งใจรังสรรค์ออกมา เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนสามารถแต่งแต้มสีสัน พร้อมยกระดับความงามที่เป็นธรรมชาติในแบบของตัวเองได้อย่างง่ายดาย และเจ้าลิปสติกรุ่นนี้ก็ได้ผ่านการพิสูจน์โดยใครหลาย ๆ คนแล้วว่า นี่คือลิปสติกเนื้อแมตต์จากฝั่งเกาหลีที่เนื้อดีที่สุด
สำหรับใครที่ชอบสีปากที่ดูฉูดฉาด และดึงดูดสายตาเป็นพิเศษ มีโอกาสที่จะตกหลุมรักคุณคนนี้สูงมาก ๆ ค่ะ โดยคุณเค้ามีมาทั้งหมด 12 เฉดสี 12 สไตล์ด้วยกัน ที่ล้วนแต่ช่วยเพิ่มความสว่างสดใส ให้หน้าดูไบรท์และมีออร่าได้อย่างทันตา โดยมีให้เลือกทั้งในโทนสีแดง ที่สามารถจับคู่ให้เข้ากับสีผิวของสาว ๆ ได้ หรือจะเป็นโทนนู้ดและชมพู ที่ให้ความเป็น MLBB สูงมาก ซึ่งไม่ว่าจะทาแบบเต็มปากหรือทาแบบ Gradient ก็สวยและดูดีทั้งคู่เลย ซึ่งสีที่ทางเราการันตีได้เลยว่าสาว ๆ จะต้องแฮปปี้คือสี Natural Rose จากตระกูลนู้ดชมพู และสี Just Red จากตระกูลสีแดงค่ะ
ราคา | 950 บาท |
ขนาด | 3.4 g |
Finish Look | แมตต์ |
ส่วนผสมบำรุง | Shea Butter, Cotton Seed Oil, Rosa Damascena Flower Oil, Glycerin, Hibicus Sabdariffa Flower Extract |
แอลกอฮอล์ | ✘ |
น้ำหอม | ✓ |
พาราเบน | ✘ |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
.
เลือกซื้อสีลิปสติกอย่างไรให้เข้ากับผิวเรา
หลักการสำคัญในการเลือกซื้อลิปสติกให้เข้ากับตัวสาว ๆ มากที่สุด จะต้องอาศัยการจับคู่อันเดอร์โทนผิวและสีลิปสติกนั่นเองค่ะ แม้อาจจะดูยุ่งยากหรือดูมีรายละเอียดที่ยิบย่อยมากไปสักนิด แต่การที่สาว ๆ สามารถเลือกเฉดสีของลิปสติกที่เข้ากับอันเดอร์โทนของตัวเองได้ จะช่วยขับและเพิ่มออร่าให้กับผิวพรรณ พร้อมให้ลุคการแต่งหน้าโดยรวมดูรับกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น โดยแทบไม่ต้องพึ่งพาเทคนิคที่ยาก ๆ เลยค่ะ
ซึ่งสาว ๆ จะต้องเริ่มต้นสังเกตอันเดอร์โทนของตัวเองก่อน แต่ห้ามสับสนกับสีผิวของตัวเองนะคะ เพราะอันนั้นคือโอเวอร์โทนหรือสีผิวหนังชั้นนอกสุดนั่นเองค่ะ ส่วนอันเดอร์โทนจะเป็นสีผิวชั้นใน ที่จะแสดงออกมาลาง ๆ แฝงไปกับสีผิวชั้นนอกอยู่ เพื่อความกระจ่าง เรามักจะได้ยินคำอธิบายเกี่ยวกับสีผิวว่า “ขาวอมชมพู” หรือ “ขาวเหลือง” ซึ่งคำว่าชมพูและเหลืองที่แหล่ะค่ะ คือสิ่งที่บ่งบอกอันเดอร์โทนนั่นเอง
ว่าแต่ว่าเราจะสังเกตอันเดอร์โทนของตัวเราเองได้อย่างไร แน่นอนว่าเราก็มีวิธีการง่าย ๆ มากฝากสาว ๆ กันด้วย โดยเราจะใช้วิธีการสังเกตเส้นเลือดที่ข้อมือของเราเองค่ะ โดยจะต้องใช้แสงธรรมชาติเข้ามาช่วยเท่านั้น เพื่อให้ได้สีเส้นเลือดตามจริง โดยสีที่จะปรากฏออกมาหลัก ๆ จะมี 3 แบบด้วยกันดังนี้ค่ะ
สีเขียว: หากมีเส้นเลือดที่ข้อมือเป็นสีนี้ แสดงว่าสาว ๆ มีอันเดอร์โทนอุ่นค่ะ นอกจากนี้ยังจะสังเกตได้ว่าเครื่องประดับสีทองมักจะดูดีเมื่ออยู่บนตัวอีกด้วย ซึ่งส่วนมากสาวไทยจะมีอันเดอร์โทนแบบนี้กันค่ะ และสีลิปที่เหมาะกับผิวในโทนอุ่นก็คือ ลิปสีสว่างที่ดูอบอุ่น ดังนั้นเวลาเลือกลิปก็สามารถเลือกลิปที่มีเฉดสีแดงจัดหรือเฉดสีส้มได้เลยค่ะ ถ้ามีผิวที่ค่อนข้างขาว แนะนำให้เลือกใช้สีชมพูพีชหรือสีแซลม่อนค่ะ ถ้าสีผิวออกกลาง ๆ หน่อยต้องใช้สีพีชแบบนู้ด และสำหรับผิวที่เข้มขึ้นมากอีก สีเบอร์รี่หรือสีตระกูลไวน์จะช่วยเพิ่มออร่าให้กับผิวสุด ๆ ค่ะ
สีน้ำเงินหรือสีม่วง: สองสีนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเรามีอันเดอร์โทนเย็นค่ะ โดยเครื่องประดับจำพวกสีเงินและสีขาวโทนเย็น มักจะเหมาะกับสาวที่มีอันเดอร์โทนนี้ค่ะ สีลิปที่เหมาะกับผิวในโทนเย็นคือ ลิปที่มีติ่งสีน้ำเงินหรือสีม่วงผสมอยู่ ดังนั้นเวลาสาว ๆ เลือกลิปแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงเฉดสีแนวโทนส้ม แล้วหันไปเลือกลิปที่มีเฉดสีโทนแดงน้ำเงิน สำหรับสาว ๆ ที่มีผิวขาวในอันเดอร์โทนนี้ จะเข้าได้ดีกับสีชมพูกุหลาบและสีม่วงอ่อนที่มีอันเดอร์โทนสีน้ำเงินเล็กน้อยค่ะ แต่ถ้ามีสีผิวปานกลางจะเหมาะสีชมพูหม่นหรือสีบลัช ส่วนผิวที่เข้มขึ้นต้องสีแดงกุหลาบหรือสีพลัมที่มีติ่งสีน้ำเงิน จะทำให้ผิวดูเปล่งประกายมากขึ้นค่ะ
สีเขียวและสีน้ำเงิน: ถ้าเส้นเลือดปรากฏเป็นสีเขียวและสีน้ำเงิน (ย้ำนะคะว่าต้องมีทั้งสองสี) แสดงว่าสาว ๆ มีอันเดอร์โทนกลางค่ะ ซึ่งนับว่าเป็นโชคมาก ๆ เพราะไม่ว่าจะสวมเครื่องประดับสีทองหรือสีเงินก็ดูดีหมดทั้งคู่เลย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้สีลิปได้เลยตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นจากของโทนเย็นหรือโทนอุ่น ก็สามารถเอาอยู่ได้ทุกสีแน่นอนค่ะ แต่สีที่เพิ่มออร่าและความโกลว์ได้มากที่สุด คงต้องยกให้สีชมพูบลัชหรือสีม่วงอ่อนสำหรับผิวขาว สีน้ำตาลชมพูและสีพีชสำหรับสีผิวปานกลาง และสีแดงที่มีติ่งสีน้ำเงินหรือสีส้มแดงสำหรับสีผิวเข้มค่ะ นอกจากนี้แนะนำให้ลองเลือกลิปสีโทนไวน์ อย่างเช่น สีม่วงพลัม หรือสีม่วงเชอร์รี่ เพราะนอกจากจะดูดีเข้ากับกับสาว ๆ ที่มีอันเดอร์โทนนี้แล้ว ยังสามารถใช้ได้ทั้งลุคกลางวันและลุคกลางคืนด้วยค่ะ
…
TIPS สำหรับมือใหม่ในการใช้ลิปสติก
หากสกิลการทาปากของสาว ๆ ยังอยู่ในระดับมือใหม่ ที่มักจะพบเจอกับปัญหาเดิม ๆ ที่ไม่ว่าจะตั้งใจทาขนาดไหน ใช้เวลาเกลี่ยนานอยู่เท่าไร ก็รู้สึกว่าผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่ถูกใจสักที จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ต้นตอหลักของเจ้าปัญหาดังกล่าวอาจะเป็นเจ้าลิปสติกที่ตัวสาว ๆ เองเลือกใช่ ซึ่งก็อาจมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่ทว่าสาเหตุส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงเรามักจะมองข้าม จนทำให้พลาดกันอยู่บ่อยครั้ง มักจะมาจากการวิธีการทาที่ยังไม่ถูกต้อง บวกกับการขาดความชำนาญและการเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ เพิ่มเติมนั่นเองค่ะ
เพื่อเป็นการเติมเต็มช่องว่างในการเพิ่มพูนเทคนิคและพัฒนาฝีมือ สาว ๆ อาจจะต้องแบ่งเวลามาทำการบ้าน ศึกษาข้อมูลข้างต้นเพิ่มเติมด้วยตัวเองสักเล็กน้อย เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้และทำความเข้าใจถึงหลักการต่าง ๆ ที่สามารถช่วยสร้างความแตกต่างในการทาลิปสติกของสาว ๆ ได้อย่างเห็นได้ชัด และแน่นอนค่ะว่า เพื่อไม่ให้สาว ๆ ต้องเสียเวลาหมดไปนั่งค้นคว้าหาข้อมูลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เราก็ได้รวบรวมทิปส์และเทคนิคในการใช้ลิปสติกมาฝากสาว ๆ มือใหม่กันด้วย ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
1. เข้มต้องเจอเข้ม : สำหรับสาวที่มีผิวแทนหรือผิวที่เข้มมาก ๆ ขอแนะนำให้สาว ๆ มองหาสีลิปสติกที่อยู่ในตระกูลสีเข้มอย่าง สีไวน์ สีเบอร์รี่ และสีเบอร์กันดี เพราะสีลิปสติกเหล่านี้เป็นคู่สีที่เข้ากับสีผิวของสาว ๆ มากที่สุด โดยจะช่วยทำให้ผิวของสาว ๆ ดูอบอุ่น มีออร่า สวยสง่าผิวดูโกลว์ แบบไม่ต้องพึ่งผู้ช่วยตัวอื่น ๆ อย่างไฮไลต์เตอร์หรือบรอนเซอร์เลยค่ะ แถมยังช่วยเน้นให้รอยยิ้มของสาว ๆ ดูสดใสและเจิดจ้ามากขึ้น พร้อมเพิ่มเสน่ห์ในแบบฉบับสาวยุคใหม่ที่ดูมั่นและสตรองอีกด้วย
2. สว่างไม่ควรเจอสว่าง : สำหรับสาวผิวสว่างมาก ๆ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงสีลิปสติกที่ค่อนข้างสว่างมาก ๆ เช่นเดียวกัน อย่างสีที่อยู่ในโทนพาสเทล หรือสีนู้ดแบบจัด ๆ ที่แทบจะกลืนไปกับสีผิว เพราะนอกจากจะไม่ช่วยขับสีผิวของสาว ๆ แล้ว ยังทำให้ใบหน้าของสาว ๆ ดูไม่มีชีวิตชีวา ดูเป็นสาวป่วยที่ต้องการพบแพทย์อย่างเร่งด่วนอีกด้วยค่ะ
แนะนำว่าให้ลองสวอชสีลิปที่สาว ๆ ต้องการบนผิวดูก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสีที่เลือกมานั้นดูไม่นู้ดจนเกินไป สำหรับสีผิวตัวเอง แต่ถ้าหากว่าพลาดไปซื้อคุณลิปสติกที่เป็นสีนู้ดป่วยขั้นสุดมาแล้ว และเกิดรู้สึกเสียดาย ไม่อยากจะเสียคุณเค้าไป ให้ใช้วิธีการทาผสมกับสีลิปสติกที่สีเข้มกว่า หรือใช้วิธีการทาลิปกลอสที่พอมีเม็ดสีอยู่ทับเจ้าลิปสีนู้ดอีกครั้ง ก็จะช่วยดึงสีสันของริมฝีปากให้ดูชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมช่วยอำพรางความดูมีอาการป่วยบนใบหน้าของเราได้ค่ะ
3. ใช้ลิปไลน์เนอร์เป็นผู้ช่วย : อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้สาว ๆ ได้เรียวปากที่คมชัดและสวยได้รูป คือการใช้ลิปไลนเนอร์เข้ามาช่วยวาดโครงและตีกรอบริมฝีปากให้ชัดเจนนั่นเองค่ะ เพราะจะเป็นตัวช่วยกำหนดขอบเขตของการทำงาน และไม่เราเพลิดเพลินไปกับการแต่งเติมสีสัน จนได้สีเรียวปากที่ดูเกินงาม โดยสีลิปไลน์เนอร์ที่เลือกนำมาใช้คู่กับลิปสติก จะต้องมีสีสันที่ใกล้เคียงกัน ไม่ควรเข้มหรือดูโดดจากกันจนมากเกินไป
สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยใช้ลิปไลน์เนอร์มาก่อน แนะนำว่าให้ใช้วิธีการร่างด้วยการจุดเป็นระยะ ๆ ไปตามรูปปาก แล้วลากเส้นต่อกันไปเรื่อย ๆ จนเชื่อมต่อเป็นเส้นเดียวกัน โดยพยายามลากอย่างเบามือ พร้อมควบคุมน้ำหนักที่ใช้กดลงไปให้มีความสม่ำเสมอ เพื่อให้เส้นออกมาดูเรียบเนียนและคมชัดได้ง่ายขึ้นค่ะ
4. หนักเบาเราคู่กัน : อีกหนึ่งคำแนะนำที่จะทำให้ลุคโดยรวมของสาว ๆ ออกมาดูพอดี ส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าดูส่งเสริมซึ่งกันและกัน คือสาว ๆ ต้องเลือกระหว่างเรียวปากที่สีแน่น หรือดวงตาที่มีสีสันเข้มและจัดจ้าน เพราะทั้งสองสิ่งไม่สามารถไปด้วยกันได้ เพราะด้วยความที่ทั้งริมฝีปากและดวงตานั้น เป็นจุดนำสายตาที่เรามักจะเลือกมองเป็นที่แรก ๆ หากสาว ๆ จัดเต็มด้วยการแต่งแต้มสีสันลงบนทั้งสองจุดอย่างเต็มที่
ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าของสาว ๆ จะดูเยอะและแลดูไม่เกลี้ยงเกลา ฉะนั้นสาว ๆ ควรเลือกเลือกเดินทางสายกลาง ด้วยการเลือกจุดหลักแล้วแต่งเติมอย่างเต็มที่ แล้วลงสีตรงบริเวรณจุดรองอย่างเบาบาง เพื่อให้ทั้งคู่ได้มีตัวถ่วงดุลย์ความหนักเบาซึ่งกันและกันค่ะ
5. เพิ่มเลเยอร์เท่าที่จำเป็น : การทาผลิตภัณฑ์แบบไม่ยั้งมือหรือการโบก ควรเป็นเส้นทางสุดท้ายที่สาว ๆ ควรเลือกเดินไปนะคะ เพราะความเยอะและความแน่นนั้น ค่อนข้างไม่เป็นมิตรกับผิวริมฝีปากที่บอบบางของเราสักเท่าไหร่ เพราะจะทำให้เรารู้สึกหนักปาก เกิดความรู้สึกไม่สะดวกสบายในการพูดหรือการรับประทานอาหาร และยังเร่งการเกิดคราบหรือการแตกระแหงเป็นทุ่งนาในหน้าแล้งให้เร็วขึ้นได้อีกด้วย
เนื่องจากการความชุ่มชื้นนั้นมีน้ำและน้ำมันเป็นตัวหล่อเลี้ยง เมื่อเวลาผ่านไปน้ำก็จะระเหย ส่วนน้ำมันก็จะซึมลงไปสู่ชั้นผิวที่ลึกขึ้น ทำให้ระดับความชุ่มชื้นของผิวบริเวณริมฝีปากนั้นลดลงไปด้วย แต่ว่าสาว ๆ สามารถชะลอการสูญเสียความชุ่มชื้นนั้นได้ ด้วยการเพิ่มเลเยอร์เนื้อผลิตภัณฑ์แต่พอดี ซึ่งควรจำกัดอยู่ในปริมาณ 2-3 เลเยอร์ก็เพียงพอแล้วค่ะ
6. อย่าลืมเช็กคราบลิปสติกบนฟันเด็ดขาด! : สำหรับข้อสุดท้ายนี้อาจจะไม่ใช่ทิปส์หรือเทคนิคแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เสียทีเดียว แต่ว่าเป็นสิ่งที่สาว ๆ ควรให้ความสำคัญพอ ๆ กับการทาลิปสติกเลยค่ะ เพราะถึงแม้ว่าสาว ๆ จะตั้งเกลี่ยหรือเบลนด์สีสร้างลุค Gradient ใด ๆ มาก็ตาม แต่ถ้าหากถึงช่วงเวลาที่สำคัญ แต่บนฟันดันมีคราบสีลิปสติกติดเด่นเป็นสง่าอยู่ เราคงจะรู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นสาว ๆ ควรป้องกันเอาไว้ก่อนดีจะดีที่สุด
ซึ่งทางเราแนะนำว่าให้เช็กคราบลิปสติกหลังจากเสร็จครบทุกขั้นตอนการแต่งหน้า เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแก้ไขอยู่บ่อยครั้ง และถ้าพบว่ามีคราบลิปสติกติดอยู่ ให้ใช้คอนตอนบัตหรือสำลีแผ่น ค่อย ๆ ปาด เก็บรายละเอียดออกมาให้หมดจด แล้วเช็กดูอีกครั้งหนึ่งเพื่อความเพอร์เฟค ไม่แนะนำให้ใช้วิธีการถูนะคะ เพราะจะทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์กระจายตัวไปในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว แถมยังตามเก็บรายละเอียดได้ยากขึ้นไปอีก
…
สุดท้ายแล้วส่งท้ายกันด้วย
หวังว่าในกลุ่มของ 10 ลิปสติกที่เราได้นำมาแนะนำในวันนี้ จะมีคุณคนใดคนหนึ่งที่ถูกตาต้องใจสาว ๆ นะคะ เพราะนี่คือที่สุดของลิปสติกที่เราตั้งใจคัดสรรมาให้สาวทุกคนจริง ๆ ค่ะ และสำหรับการตามหาลิปสติกที่ใช่ และมีสีสันที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวเองได้ดีที่สุด จะไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไป ถ้าสาว ๆ รู้จักและเข้าใจตัวเอง พร้อมกับทำการบ้าน ศึกษาข้อมูลและรายละเอียดที่สำคัญต่าง ๆ มาอย่างถี่ถ้วนและเพียงพอ เพราะนั่นคือสิ่งที่จะช่วยทำให้สาว ๆ สามารถพุ่งตรงไปยังจุดหมาย ได้เจอลิปสติกที่เกิดมาเพื่อตัวเราโดยเฉพาะได้เร็วมากขึ้น โดยไม่ทำให้ต้องเสียเวลาและเสียทรัพย์ และลดโอกาสเสี่ยงต่อการแพ้หรือการระคายเคืองจากตัวผลิตภัณฑ์อีกด้วยค่ะ
และอยากจะย้ำอีกสักเล็กน้อยนะคะว่า กฎเกณฑ์หรือข้อจำกัดต่าง ๆ ในการแต่งแต้มสีสันให้กับใบหน้าของเรานั้น เป็นเพียงอีกหนึ่งแนวทางและคำแนะนำ ในการช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นกลางและตรงตามทฤษฎีมากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้ตายตัวเสมอไป และอาจจะไม่ได้เวิร์คหรือได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจกับทุกคนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ผู้หญิงเราจะรู้สึกดีกับตัวเองมากที่สุด ก็ต่อเมื่อได้มีอิสระที่ในการเลือกรูปแบบและสีสัน ที่สามารถบ่งบอกอารมณ์และความเป็นตัวตนได้โดยไม่มีข้อจำกัด และก็มีแต่เราเท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งที่ใช่สำหรับเราเป็นแบบไหน ฉะนั้นอย่ากลัวที่จะกล้าสนุกไปกับการใช้สีสันในแบบฉบับของตัวสาว ๆ เองนะคะ