แนะนำ 10 ลิปทินท์ ยี่ห้อไหนดี 2020 สีสวย ติดทนนาน เรียวปากสวยแบบสาวเกาหลี
ลิปทินท์ เป็นอีกหนึ่งในผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตกแต่งริมฝีปาก ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะมีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของการติดทนนาน ที่เรียกได้ว่าทนมากที่สุดในบรรดาผลิตภัณฑ์ประเภทลิปเลยค่ะ และยังช่วยทำให้ริมฝีปากดูระเรื่อและสุขภาพดีได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องคอยเติมอยู่เป็นประจำ หรือแทบไม่ต้องเติมระหว่างวันอีกด้วย อีกทั้งลิปทินท์ยังทำหน้าที่ได้ดีในการเป็นเบสก่อนลงลิปสติกหรือลิปจิ้มจุ่ม ทำให้สีลิปสติกดูชัดและแน่นมากยิ่งขึ้น แถมยังติดทนแนบกับริมฝีปากได้ยาวตลอดวัน หรือถ้าสีลิปสติกหลุดออกมา ก็ยังคงมีสีของลิปทินท์ที่ยังทำให้ริมฝีปากดูดีพร้อมสีระเรื่ออยู่เสมอค่ะ
แรกเริ่มเดิมที ลิปทินท์เริ่มได้รับความนิยมในแถบเอเชียบ้านเราก่อน โดยเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้ ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องสำอางอยู่แล้ว โดยลิปทินท์มักจะถูกใช้สร้างริมฝีปากที่ดูสดใสและเป็นธรรมชาติ แถมติดทนนานสไตล์เกาหลี ให้กับเหล่าไอดอลและนักแสดงชื่อดังอยู่เสมอ ณ ปัจจุบันนี้ ด้วยกระแสความมาแรงของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ทำให้ลิปทินท์สามารถตีตลาดทั่วโลกด้วยคุณสมบัติข้างต้น และได้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ไม่ว่ามือใหม่หรือมือโปรต้องมีติดกระเป๋าเอาไว้ จนตอนนี้ไม่ว่าจะเป็น ตลาดยุโรป ตลาดอเมริกา หรือแม้กระทั่งตลาดไทย ลิปทินท์ก็กลายมาเป็นสินค้าขายดีอันดับต้น ๆ ทั้งในตลาดแบรนด์ High-end หรือ Drugstore เลยค่ะ
….
อยากอ่านตรงไหน กดได้เลย
ประเภทของลิปทินท์
ในปัจจุบัน ลิปทินท์ได้ถูกพัฒนาให้ออกมามีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแพ็กเกจ เฉดสี เนื้อสัมผัส หรือกลิ่นของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของสาว ๆ ซึ่งมีเยอะมากจนหลายคนก็ยังเลือกไม่ถูก เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ เรามาดูประเภทของลิปทินท์ตามลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์กันดีกว่าค่ะ โดยสามารถไล่ได้จากเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เบาบางที่สุดไปยังหนักมากที่สุด และสามารถจัดออกมาได้ 5 ประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้ค่ะ
เนื้อน้ำ : ถือว่าเป็นเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตออกมาเป็นประเภทแรก โดยมีลักษณะเนื้อสัมผัสที่เหลวเหมือนน้ำและค่อนข้างเบาบาง ทำให้ใช้ง่ายและสามารถทาทับได้หลายชั้น โดยฟินิชลุคที่ได้จะมีทั้งแห้งติดไปกับปาก หรือจะทิ้งฉ่ำวาวเล็กน้อยในบางรุ่น เรื่องความแน่นของเนื้อสีที่ได้ จะไม่ชัดเจนมากเมื่อเทียบกับลิปทินท์ประเภทอื่น เพราะด้วยความเป็นน้ำนั่นเอง ซึ่งหมายความว่าจะให้ลุคที่ดูค่อนข้างเป็นธรรมชาติมากที่สุด
เนื้อเจล : ลิปทินท์เนื้อแบบเจลจะมีความหนัก และความหนืดมากว่าเนื้อน้ำเล็กน้อย จึงทำให้มีความแน่นของเนื้อสีชัดเจนมากขึ้นกว่าด้วย แต่ยังคงให้ความติดทนและความบางเบาอยู่ เมื่อทาแล้วจะได้เนื้อฟินิชที่ดูฉ่ำวาวเหมือนเยลลี่ทันที ซึ่งความฉ่ำวาวจะค่อย ๆ จางหายไปเล็กน้อย แต่ยังทิ้งเม็ดสีให้ติดกับริมฝีปากอยู่ค่ะ
เนื้อบาล์ม : ถ้าต้องการริมฝีปากที่มีสีระเรื่อแบบพอประมาณ และยังได้รับการบำรุงชั้นยอด พร้อมกับความรู้สึกชุ่มชื้นขณะเดียวกัน ต้องลองลิปทินท์เนื้อบาล์มเลยค่ะ เพราะด้วยความเป็นเนื้อบาล์มที่ให้ความฉ่ำวาวเป็นทุนเดิม จึงทำให้สามารถเพิ่มและคงรักษาสารบำรุงในผลิตภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่ โดยมีเม็ดสีที่เพิ่มลงไปในปริมาณที่พอดี ซึ่งเป็นผู้ช่วยทำให้ริมฝีปากดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นอีก
เนื้อครีม : ถ้าต้องการความแน่นชัดเจนของเนื้อสีมากที่สุด ลิปทินท์เนื้อครีมคือ สิ่งที่ตอบโจทย์ค่ะ เพราะความเป็นเนื้อครีมทำให้สามารถเพิ่มพิกเมนต์สีติดลงบนเนื้อผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน ลิปทินท์ประเภทนี้ถูกพัฒนาให้ทาง่ายด้วยเนื้อที่เบาบางมากขึ้น ฟินิชลุคที่ได้จะมีความเป็นกำมะหยี่หรือแมทต์ แนบเนียนสนิทไปกับริมฝีปากค่ะ ซึ่งในบางรุ่นอาจจะแห้งสนิทไปเลย หรืออาจจะยังทิ้งความชุ่มชื้นไว้บ้าง ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละแบรนด์ค่ะ
เนื้อออยล์ : เป็นเนื้อที่ชุ่มชื้นและฉ่ำวาวมากที่สุด เพราะมีส่วมผสมของน้ำมัน และยังเป็นตัวช่วยในการบำรุงฝีปากอีกด้วยค่ะ ซึ่งเหมาะกับสาว ๆ ที่มีริมฝีปากแห้งอยู่แล้ว หรือสาว ๆ ที่ประสบปัญหาปากแห้งในช่วงหน้าหนาว ส่วนลุคที่ได้จะฉ่ำวาวคล้ายกับทาลิปกลอส แต่จะไม่ทิ้งความเหนอะหนะจนน่ารำคาญ และสีที่ได้จะมีลักษณะใส ๆ บาง ๆ ดูเป็นธรรมชาติ จึงทำให้เหมาะกับการทาเป็นเบสมากที่สุดก่อนลงลิปตัวอื่น หรือทาในลุคที่ต้องการให้ปากดูสุขภาพดีและอิ่มน้ำค่ะ
…
ตารางสรุปข้อมูลลิปทินท์แบบรวบรัด
…
แนะนำ 10 ลิปทินท์ ยี่ห้อไหนดี 2020 สีสวย ติดทนนาน เรียวปากสวยแบบสาวเกาหลี
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับประเภทของลิปทินท์กันไปแล้ว เรามาต่อกันที่ลิปทินท์ที่ควรมีไว้ในครอบครองกันดีกว่าค่ะ ซึ่งเราได้รวบรวมลิปทินท์ที่ดีที่สุดมา 10 ตัวด้วยกัน แต่ละตัวนั้นได้ขึ้นแท่นเป็นระดับตำนานไปแล้ว เพราะได้ผ่านการรีวิวและการแนะนำมานับครั้งไม่ถ้วน จะมีตัวไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
….
▼▼ ลิปทินท์ PERIPERA INK AIRY VELVET ▲▲
หนึ่งในลิปทินท์จากฝั่งเกาหลีที่สร้างชื่อเสียง และเรียกว่ามี Formula ที่ดีสุดเลยก็ว่าได้ ด้วยคุณสมบัติที่ดีเกินราคา และผ่านการรีวิวมานับครั้งไม่ถ้วน จากทั้งฝั่งเกาหลีและฝั่งไทย ทำให้ Ink Airy Velvet จาก Peripera คือ ลิปทินท์ในตำนานตัวจริงค่ะ ตัวลิปมาในรูปแบบจิ้มจุ่ม และมีเนื้อครีมที่เข้มข้นแต่ไม่หนัก พร้อมกับเม็ดสีที่แน่น แต่ก็ยังให้สัมผัสที่เนียนนุ่มและเกลี่ยง่ายมาก ๆ เพียงแค่ใช้ผลิตภัณฑ์นิดเดียวก็สามารถกลบสีปากได้ดี และเกลี่ยเนื้อลิปได้ทั่วริมฝีปากเลย โดยฟินิชลุคที่ได้จะออกแมตต์กำมะหยี่ ฟุ้ง ๆ เรียบเนียนไปกับริมฝีปาก ให้ความเป็นสาวเกาหลีมาก ๆ และยังรู้สึกเบาบางไม่หนักสมชื่อเลยค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมจากน้ำมัน Jojoba และกรดไฮยาลูรอนิค ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปากเป็นอย่างดี จึงทำให้ปากไม่แห้งและเนื้อลิปไม่ตกร่องอีกด้วย ทั้งยังมาพร้อมกับเฉดสีถูกใจสาวไทยและใช้ได้จริงถึง 15 เฉดสี เหมาะกับทาทุกวันใน Everyday Look หรือจะใช้ในโอกาสพิเศษ ก็รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่และมือโปร ไม่ต้องกลัวพลาดเลยถ้าใช้ลิปตัวนี้ ส่วนเรื่องความติดทนมีความคิดเห็นค่อนข้างหลากหลาย แต่หลายเสียงจากผู้ใช้จริงบอกว่า พลังความติดทนก็ชนะเลิศเช่นกัน เมื่อบวกกับเนื้อสัมผัส และเฉดสีของลิปทินท์ตัวนี้ ต้องบอกว่าแท่งเดียวไม่พอจริง ๆ ค่ะ
ราคา | 219 บาท |
ขนาด | 4 ml |
ราคาต่อหน่วย | 54.75 บาท ต่อ 1 ml |
ประเภท | เนื้อครีม |
ฟินิชลุค | แมตต์กำมะหยี่ |
เฉดสี | 15 |
ส่วนผสมหลัก | มารีนคอลลาเจน, กรดไฮยาลูโรนิค, ออแกนิค โจโจบาออยล์, โอลีฟออยล์ |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
.
▼▼ ลิปทินท์ Benefit Benetint ▲▲
….
สำหรับ Benetint ลิปทินท์จากฝั่ง High End ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ และเรียกว่าเป็นผลิตภัณฑ์สร้างชื่อให้กับแบรนด์ Benefit เลยก็ได้ค่ะ ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นมาในปี 1976 หรือผ่านมาแล้วมากกว่า 40 ปี แต่คุณภาพและความนิยมก็ไม่ได้เสื่อมตามกาลเวลาเลย และยังครองตำแหน่งตัวท็อปของแบรนด์ และขายดีมาก ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทินท์ในร้านค้าชั้นนำในโซนยุโรปและอเมริกา ด้วยชื่อเสียงขนาดนี้ Benetint ยังเป็นทินท์ที่ช่างแต่งหน้าและเซเลปหลายคนชื่นชอบ และกล่าวถึงอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย ต้องยกตำแหน่งสุดยอดทินท์ในตำนานจากฝั่งยุโรปและอเมริกาให้เลยค่ะ
ด้วยสมญานามความเป็นทินท์สารพัดประโยชน์ ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งบนริมฝีปากและบนพวงแก้มค่ะ ซึ่งเนื้อผลิตภัณฑ์จัดอยู่ในประเภทเนื้อน้ำ มีความโปร่งใส จึงทำให้สามารถเพิ่มเลเยอร์ความเข้มได้ตามต้องการ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ให้ความระเรื่อที่ดูไม่ปลอม และสีที่ได้จะเป็นสีแดงกุหลาบ ที่มีความเป็น Universal มาก ๆ เข้ากับผิวทุกโทนบนโลกใบนี้ ไม่ว่าใครก็เอาอยู่จริง ๆ และระดับความติดทนไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ เพราะติดทนมาก ๆ แต่เนื้อลิปทินท์จะแห้งค่อนข้างเร็ว จึงควรรีบเกลี่ยหลังลงทันที เพื่อป้องกันไม่ให้พลาดนะคะ
ราคา | 820 บาท |
ขนาด | 6 ml |
ราคาต่อหน่วย | 136.7 บาท ต่อ 1 ml |
ประเภท | เนื้อน้ำ |
ฟินิชลุค | แมตต์ |
เฉดสี | 1 |
ส่วนผสมหลัก | น้ำ, มอลโทเดกซ์ทริน, คาร์มีน |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
……
▼▼ ลิปทินท์ Rom&nd Jucy Lasting Tint ▲▲
อีกหนึ่งลิปทินท์จากฝั่งเกาหลีที่ครองใจทั้งสาวเกาหลี และสาวไทยอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งในเรื่องราคา แพ็กเกจ และการใช้งาน แถมยังเป็นผลิตภัณฑ์แจ้งเกิดของแบรนด์ Romand จากเกาหลีใต้อีกด้วย แค่ดูจากแพ็กเกจก็น่าซื้อใช้แล้ว ใช่ไหมคะ? และยังโดดเด่นตรงที่เวลาทาจะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของผลไม้ พร้อมให้ความฉ่ำวาวแบบ Juicy สมชื่อ แต่ไม่ทิ้งความมันไว้บนริมฝีปาก แถมยังรู้สึกถึงความเย็นบนริมฝีปากอีกด้วยค่ะ ตัวเนื้อสัมผัสลิปก็ค่อนข้างบางเบา ให้ความรู้สึกถึงการผสมกันระหว่างเนื้อเจลและเนื้อน้ำ ซึ่งเกลี่ยไปตามรูปปากได้ง่ายมาก ๆ และยังให้สีที่ชัดเจน สดใส ไม่ว่าจะทาแบบไล่สีอ่อน ๆ หรือทาเต็มปากสีก็ชัดติดทนแทบตลอดวัน ไม่ต้องหาเวลามาคอยเติมบ่อย ๆ เลยค่ะ
นอกจากจะทำให้ริมฝีปากดูอิ่มน้ำ อวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ลิปทินท์ตัวนี้ ยังให้ความชุ่มชื้นได้ดีเลยทีเดียวค่ะ เพราะมีสารสกัดจากมะพร้าว ซึ่งเหมาะสำหรับสาวริมฝีปากค่อนข้างแห้ง หรือใช้ในที่ที่อากาศค่อนข้างเย็นและแห้งได้ดีเลยค่ะ ผู้ใช้หลายคนแนะนำมาว่า ลิปทินท์ตัวนี้สามารถทาทับบนลิปแมตท์ได้ดีอีกด้วย ช่วยเสริมให้ริมฝีปากดูฉ่ำวาวแบบพอดี และยังทำให้สีลิปที่ทาไปก่อนหน้าเด่นขึ้นอีกด้วยค่ะ หากใครมีริมฝีปากที่แพ้ง่าย แนะนำว่าให้ทดสอบลิปทินท์ตัวนี้ ด้วยการสวอชทิ้งไว้ที่หน้าแขนก่อนนะคะ เพราะลิปตัวนี้มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ค่ะ
ราคา | 225 บาท |
ขนาด | 4.8 ml |
ราคาต่อหน่วย | 46.9 บาท ต่อ 1 ml |
ประเภท | เนื้อเจลผสมเนื้อน้ำ |
ฟินิชลุค | ฉ่ำวาว |
เฉดสี | 9 |
ส่วนผสมหลัก | น้ำ, สารสกัดจากมะละกอ, สารสกัดจากมะพร้าว |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
…….
▼▼ ลิปทินท์ YVES SAINT LAURENT Tatouage Couture Liquid Matte Lip Stain ▲▲
….
….
กลับมาที่ฝั่ง High-End กันบ้างค่ะ ลิปทินท์ตัวนี้เป็นกระแสในโลกโซเชียลมาสักพัก จนสาว ๆ ทั่วโลกต่างเทใจให้ เพราะคุณภาพและหน้าตาที่สวยหรูดูแพง และราคาก็แรงสมกับผลิตภัณฑ์จากแฟชั่นเฮ้าส์ชื่อดังจากฝรั่งเศสเลยค่ะ ซึ่งตัวลิปทินท์มาในรูปแบบลิปจิ้มจุ่ม และทางแบรนด์บอกไว้ว่า เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ โดยมีความเป็นน้ำ แต่เข้มข้นเหมือนหมึก ที่อัดแน่นไปด้วยเม็ดสีในทุกอณู แต่ว่าสัมผัสที่ได้ยังคงเบาบางจนราวกับไม่ได้ทา ต้องบอกไว้ก่อนว่า เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างแห้งเร็วนิดนึง และฟินิชที่ได้จะค่อนข้างแมตต์ และติดทนเหมือนรอยสัก คอนเฟิร์มได้เลยว่าไม่หลุดและไม่ไหลระหว่างวันแน่นอนค่ะ
เห็นราคาแบบนี้ แต่หลายคนที่ได้ลองต่างก็บอกว่า คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะเนื้อผลิตภัณฑ์มีความหรูหราสมราคา และเมื่อได้ลองใช้ก็พบว่าสบายปาก ให้สีที่สวยชัดเจน และดูผู้ดีอีกต่างหาก ที่ขาดไม่ได้คือ ความดีงามของหัวแปรง ก็ทำให้หลายคนเป็นปลื้มไปอีกขั้น เพราะหัวแปรงช่วยสร้างกรอบลิป และเกลี่ยเนื้อผลิตภัณฑ์ไปตามรูปปากได้อย่างพอดี ถ้าใครอยากได้ลุคปากแน่นก็สามารถทาทับได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าใครอยากได้ลุคใส ๆ ก็สามารถทาบาง ๆ แล้วเกลี่ยให้ทั่วริมฝีปากได้อีกด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจคือ มีเฉดสีครอบคลุมทุกความต้องการ ตั้งแต่สีโทนนู้ด สีสด ไปยังสีโทนก่ำเลยค่ะ
ราคา | 1,395 บาท |
ขนาด | 6 ml |
ราคาต่อหน่วย | 232.5 บาท ต่อ 1 ml |
ประเภท | เนื้อน้ำ |
ฟินิชลุค | แมตต์ |
เฉดสี | 23 |
ส่วนผสมหลัก | น้ำ, สารสกัดจากมะละกอ, สารสกัดจากมะพร้าว |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
…….
▼▼ ลิปทินท์ Holika Holika – Waterdrop Tint Bomb ▲▲
….
ลิปทินท์ราคาดี (จากเกาหลีใต้อีกแล้ว) ที่โกยรีวิวมาได้อย่างนับไม่ถ้วน เป็นลิปทินท์ที่มาในรูปแบบแท่งทรงหยดน้ำ ซึ่งดูแล้วก็รู้เลยทันทีว่านี่คือ เอกลักษณ์ของ Holika Holika ที่ดีไซน์นี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อเป็นเอกลักษณ์อย่างเดียวนะคะ ยังช่วยทำให้การทาลิปทินท์ลงบนริมฝีปากนั้นสะดวกยิ่งกว่าเดิม แถมยังพกง่ายอีกด้วยค่ะ โดยเนื้อผลิตภัณฑ์จะอยู่ในประเภทเนื้อน้ำค่ะ เพราะมีส่วนประกอบหลักคือ น้ำธรรมชาติบริสุทธิ์จากเกาะเจจูถึง 40 % แล้วเสริมทัพมาด้วยเชียร์บัตเตอร์ และน้ำผึ้งมานูก้า ซึ่งเป็นตัวเอกในการให้ความชุ่มชื้นและบำรุงริมฝีปากอีกด้วย ทำให้สัมผัสแรกเมื่อทาลิปจะรู้สึกได้ถึงการแตกตัวของหยดน้ำบนริมฝีปากนั่นเองค่ะ
ฟินิชลุคที่ได้จะคล้ายเป็นฟิล์มบาง ๆ เคลือบปากเอาไว้ และความชุ่มชื้นจะค่อย ๆ จางหายไป แต่เม็ดสียังคงชัดเจนติดทนอยู่ค่ะ จึงแนะนำให้ทาลิปบาล์มทับอีกชั้นเพิ่ม เพื่อความชุ่มชื้น หากใครต้องการให้สีชัดเจนมากขึ้น สามารถปาดทับเพิ่ม จนกว่าจะได้สีที่พึงพอใจได้ตามต้องการเลยค่ะ และยอดรีวิวต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ว่าจะดื่มหรือทานอะไร ลิปทินท์ตัวนี้ก็ยังคงเกาะติดริมฝีปาก ไม่ยอมลอก ยอมหลุดเลยค่ะ จึงต้องขอยกให้เป็นสุดยอดลิปทินท์ที่จูบไม่หลุดกันเลยทีเดียว โดยรวมแล้ว ลิปทินท์ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดี ที่สามารถหยิบใช้ได้เลยในวันที่แต่งหน้าสบาย ๆ หรือจะเป็นวันที่เร่งรีบที่ต้องการความสะดวกและความรวดเร็วค่ะ .เเฉเพิาืา้ืาพื ทเเ
ราคา | 225 บาท |
ขนาด | 2.5 g |
ราคาต่อหน่วย | 90 บาท ต่อ 1 g |
ประเภท | เนื้อน้ำในรูปแบบเเท่ง |
ฟินิชลุค | ฟิล์ม |
เฉดสี | 10 |
ส่วนผสมหลัก | น้ำ, สารสกัดจากมะละกอ, เชียร์บัตเตอร์ |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
…..
▼▼ ลิปทินท์ BOBBI BROWN Extra Lip Tint ▲▲
….
….
ขึ้นชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากแบรนด์ของคุณ Bobbi Brown ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพเลยค่ะ เพราะเป็นแบรนด์ที่ทำของดีออกมาตลอด รวมถึงตัวขายดีอย่างลิปทินท์ BOBBI BROWN Extra Lip Tint เป็นลิปทินท์เนื้อครีมที่เข้มข้นสุด ๆ แต่ไม่ทิ้งความเหนอะหนะและความหนักไว้เลย ถ้าสาว ๆ สังเกตที่ชื่อดี ๆ เราจะเห็นคำว่า Extra ใช่ไหมคะ แค่คำ ๆ นี้ก็ทำให้รู้สึกถึงความดีงามของลิปทินท์ตัวนี้แล้ว ที่สำคัญ ส่วนผสมยังอุดมไปด้วยน้ำมันมะกอก วิตามินอี วิตามินซี และน้ำมันจากผลปาล์ม Babassu ที่ผสานพลังมอบความชุ่มชื้นพร้อมการบำรุงได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบนริมฝีปากได้อีกด้วย
อีกทั้งคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ จะเน้นความงามอย่างเป็นธรรมชาติของริมฝีปาก โดยการเพิ่มสีสันที่ให้ความระเรื่อเล็กน้อยเท่านั้น จึงทำให้ความชัดเจนและความแน่นของสีไม่ได้โดดเด่นมากนัก ลิปทินท์รุ่นนี้ก็มีเฉดสีที่ค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งสาว ๆ สามารถเลือกให้เข้ากับสีริมฝีปากของตัวเองได้ทุกโทนสีผิวเลยค่ะ ส่วนเรื่องของแพ็กเกจนั้นก็เรียบง่ายแต่หรูหราสไตล์ BOBBI BROWN จึงทำให้ยิ่งน่าใช้เข้าไปอีก
ราคา | 1,450 บาท |
ขนาด | 2.3 g |
ราคาต่อหน่วย | 630.4 บาท ต่อ 1 g |
ประเภท | เนื้อครีม |
ฟินิชลุค | ฉ่ำวาว |
เฉดสี | 6 |
ส่วนผสมหลัก | โอลีฟออยล์, วิตามินซี, วิตามินอี |
ประเทศที่ผลิต | สหรัฐอเมริกา |
…..
▼▼ ลิปทินท์ 3CE Velvet Lip Tint ▲▲
….
….
ถ้าพูดถึงลิปทินท์แล้ว จะขาดตัวนี้ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ถือเป็นตัวชูโรงของแบรนด์ 3CE และในกลุ่มลิปทินท์จากเกาหลีเลยค่ะ เพราะทำออกมาได้ถูกใจสาว ๆ เอเชียทั้งทวีปเลยก็ว่าได้ และคุณภาพที่โดดเด่นที่สุดของลิปทินท์ตัวนี้คือ เรื่องสีนั่นเอง เพราะสีนั้นตรงปกสุดๆ แถมยังเป็นสีโทน MLBB ที่ดูเป็นสีธรรมชาติและกลืนไปกับริมฝีปาก เสมือนเป็นสีปากของเราเองอีกด้วย ซึ่งเป็นเทรนด์ที่นิยมมากในหมู่สาว ๆ เกาหลี และไม่ว่าจะเป็นสาวผิวสว่าง สาวผิวปานกลาง หรือสาวผิวเข้มก็สามารถเลือกเฉดสีที่ใช่ ได้จากลิปทินท์ตัวนี้ได้อย่างแน่นอนค่ะ
เนื้อของผลิตภัณฑ์อยู่ในประเภทเนื้อครีมที่มีความเป็นกำมะหยี่ ที่ให้ฟินิชลุคที่แมตต์อ่อน ๆ แต่ว่าเบาบางไร้น้ำหนักและสบายปาก จึงอาจจะทำให้ต้องมีการทาทับเพิ่ม ถ้าต้องการสีริมฝีปากที่แน่นจริง ๆ แต่ถ้าต้องการลุคที่ดูเป็นธรรมชาติแล้วหล่ะก็ ทาแค่ครั้งเดียวก็พอแล้วค่ะ ส่วนเรื่องระดับความติดทน แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง แต่สาวเกาหลายคนบอกว่าติดทนมาก จนต้องทำความสะอาดอยู่หลายครั้งเลยทีเดียว และสาวเกาหลายคนยังแนะนำให้ใช้เป็นเบส เพื่อสร้างสีริมฝีปากพื้นฐานที่ทั้งสวยและติดทน ก่อนจะลงลิปตัวอื่นๆทับอีกชั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสีลิปจะติดกับริมฝีปากตลอดทั้งวันค่ะ
ราคา | 650 บาท |
ขนาด | 4 g |
ราคาต่อหน่วย | 162.5 บาท ต่อ 1 g |
ประเภท | เนื้อครีม |
ฟินิชลุค | แมตต์ |
เฉดสี | 19 |
ส่วนผสมหลัก | สารสกัดจากกุหลาบ, น้ำมันดอกทานตะวัน |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
….
▼▼ ลิปทินท์ Dior Addict Lip Tattoo ▲▲
….
….
ไม่ว่าจะสายฝอหรือสายเกา คงคุ้นเคยหรือได้ยินกิตติศัพท์ความดีงามของลิปทินท์จาก Dior กันมาบ้างแล้ว เพราะ Addict Lip Tattoo เป็นลิปทินท์ที่อยู่ในประเภทเนื้อน้ำ ที่มาพร้อมกับแพจเกจอันเลอค่า หรูหราสไตล์คุณหนูในแบบฉบับของแบรนด์ และเนื้อสัมผัสก็ยังเบาบาง เนียนนุ่ม จนแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีเนื้อลิปทินท์อยู่บนริมฝีปาก แถมความเข้มข้นของสีนั้นก็ไม่ใช่เล่น ๆ อีกด้วย เพราะแค่ปาดเดียวก็รู้เรื่องเลยค่ะ โดยทางแบรนด์ตั้งใจออกแบบเนื้อลิปทินท์ ให้มีทั้งความเป็นน้ำและความเป็นอิมัลชั่น ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีเยี่ยมสำหรับอัตราส่วนที่ลงตัวของเม็ดสี พร้อมสารให้ความชุ่มชื้น และสารคงความติดทนนาน ที่สกัดมาจากธรรมชาติกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
หลังจากที่ทาลงบนริมฝีปากแล้ว เนื้อผลิตภัณฑ์จะแห้งภายในไม่กี่วินาที และจะติดทนแนบสนิทริมฝีปากเหมือนดังรอยสัก แต่ฟินิชลุคที่ได้จะมีความเป็นซาตินค่ะ ซึ่งทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ฟู และไม่แห้ง อีกหนึ่งความพิเศษที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ สามารถเปลี่ยนสีให้เข้ากับสีริมฝีปากของเราอีกด้วย จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือ ริมฝีปากที่ดูระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ ดูมีความเป็นผู้ดี ที่ปราศจากความพยายามอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องระดับความติดทนนั้น มีความคิดเห็นที่ค่อนข้างหลากหลาย แต่ส่วนมากจะให้คะแนนในระดับกลาง ๆ ค่ะ
ราคา | 1,390 บาท |
ขนาด | 6 ml |
ราคาต่อหน่วย | 231.7 บาท ต่อ 1 ml |
ประเภท | เนื้อน้ำ |
ฟินิชลุค | แมตต์ |
เฉดสี | 9 |
ส่วนผสมหลัก | น้ำ, วานิลลิน |
ประเทศที่ผลิต | ฝรั่งเศส |
….
▼▼ ลิปทินท์ innisfree Glow Tint Lip Balm ▲▲
….
ลิปทินท์คุณภาพดีที่ราคาน่ารักอีกตัว ต้องยกให้ลิปทินท์จากแบรนด์ innisfree แบรนด์รักษ์โลกจากเกาหลีใต้ ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี โดยมาในรูปแบบเนื้อบาล์ม แถมยังทำสีออกมาได้น่ารักสดใสมาก ๆ ใช้ได้ทุกวัน ถ้าสาว ๆ คนไหนต้องการลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ ใส ๆ ริมฝีปากฉ่ำระเรื่อแบบสาวเกาหลี หรือลุค Make up No Make up แล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาดที่จะลองลิปทินท์ตัวนี้ ส่วนความชัดเจนของสีไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมาก อยู่ในระดับกลาง ๆ ที่พอปาดออกมาแล้วก็ได้ความระเรื่อที่พอดิบพอดี แต่ก็สามารถปาดทับเพื่อเพิ่มระดับความแน่นของสีเพิ่มขึ้นมาได้อีกนิดค่ะ
ลิปทินท์ตัวนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่การมอบความชุ่มชื่นและความฉ่ำโกลว์ให้กับริมฝีปาก เพราะว่าเต็มไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันแมคคาเดเมียนัท น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ และน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ ที่ยังทำหน้าที่ผู้ช่วยในการบำรุงริมฝีปากทุกครั้งที่ทาอีกด้วย แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า เห็นส่วนประกอบค่อนข้างเข้มข้นแบบนี้ แต่เนื้อสัมผัสจริงไม่หนักและเหนียวเหนอะหนะเลยค่ะ และผู้ใช้จริงหลายท่านแอบกระซิบบอกมาว่า ลิปทินท์ตัวนี้แหล่ะคือฝาแฝดน้องสาวของ Dior Lip Glow เพราะมีความคล้ายกันทั้งในเรื่องความฉ่ำวาวและสีสันที่ได้ แต่มาในราคาที่เป็นมิตรกว่ามาก ไม่ลองไม่ได้แล้วนะคะ
ราคา | 270 บาท |
ขนาด | 3.5 g |
ราคาต่อหน่วย | 77.14 บาท ต่อ 1 g |
ประเภท | เนื้อบาล์ม |
ฟินิชลุค | ฉ่ำวาว |
เฉดสี | 5 |
ส่วนผสมหลัก | น้ำมันแมคคาเดเมียนัท, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันอัลมอนด์, น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
….
▼▼ ลิปทินท์ JUNGSAEMMOOL Essential Tinted Lip Glow ▲▲
….
ปิดท้ายด้วยลิปทินท์ตัวสุดท้ายจากยี่ห้อ High-end ฝั่งเกาหลีกันบ้าง อย่าง Essential Tinted Lip Glow จาก JUNGSAEMMOOL ค่ะ แค่เห็นชื่อแบรนด์ก็ไม่มีไม่ได้แล้วค่ะสาว ๆ เป็นลิปทินท์ที่จัดอยู่ในประเภทเนื้อบาล์ม มาในรูปแบบแท่ง จึงทำให้ใช้ง่าย พกพาสะดวก ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นบาล์ม แต่ว่าสีชัดเจนไม่ใช่เล่น ๆ นะคะ สามารถกลบสีปากเดิมได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าต้องถูกใจสาว ๆ ที่ปากค่อนคล้ำหรือสีไม่สม่ำเสมอ ทางแบรนด์ยังบอกอีกว่า เนื้อผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบมาให้เนียนนุ่ม จนสามารถละลายเนียนไปกับริมฝีปาก ทำให้ทาออกมาแล้วดูปากสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติสุด ๆ เหมือนผ่านการบำรุงอย่างดีบวกกับการดื่มน้ำ 8 แก้วเลยค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมของน้ำมันจากดอกไม้ ซึ่งคอยทำหน้าที่ล็อคความชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน โดยจะคงอยู่ในรูปแบบฟิล์มบาง ๆ ที่เคลือบริมฝีปากเอาไว้ แถมยังช่วยมอบความฉ่ำวาวและอวบอิ่มให้กับริมฝีปากได้ดีอีกด้วย มีหลายรีวิวบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกได้ว่าปากชุ่มชื้นจริง ๆ และได้สีกำลังพอดี ถ้าต้องการลุคใส ๆ สบาย ๆ ริมฝีปากมีความโกลว์และดูระเรื่อเล็กน้อย ทาประมาณ 1-2 ครั้งแล้วเกลี่ยเล็กน้อยก็พอค่ะ แต่ถ้าอยากเพิ่มความแน่นของสีริมฝีปาก ก็สามารถทาทับเพิ่มจนกว่าจะได้สีที่ต้องการเลย ทางแบรนด์ยังย้ำอีกว่า ถ้ายิ่งทาซ้ำมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ระดับความติดทนเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
ราคา | 600 บาท |
ขนาด | 4 g |
ราคาต่อหน่วย | 150 บาท ต่อ 1 g |
ประเภท | เนื้อบาล์ม |
ฟินิชลุค | ฉ่ำวาว |
เฉดสี | 4 |
ส่วนผสมหลัก | สารสกัดดอกไฮบิสคัส, น้ำมันเมล็ดดอกคาเมลเลีย |
ประเทศที่ผลิต | เกาหลีใต้ |
…
เลือกสีลิปทินท์อย่างไรดี
เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเจอปัญหา ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทลิปแน่นอน อย่างเช่น ลิปบางสีสวยมาก ราคาดี แพ็กเกจงาม เห็นสวอชบนนางแบบแล้วต้องซื้อตาม แต่พอได้มาใช้กับตัวเอง ก็ได้ค้นพบว่า “ไม่รอดค่ะ” เพราะสีของลิปทำให้หน้าเราดูหมอง ดูเทา แต่กับบางสีเข้ากับเรามาก เสริมให้หน้าดูละมุน ดูสว่างและสดใส ทากี่ครั้งก็มีแต่คนชมตลอด รู้หรือไม่คะว่าต้นตอความเข้ากันและไม่เข้ากันดังกล่าวก็คือ สีผิวของเรานั่นเอง เพราะแต่ละคนก็มีสีผิวที่แตกต่างกัน และการจับคู่สีให้มีความลงตัวนั้น ต้องอาศัยวิธีการและความรู้ทางทฤษฏีสีเข้ามาช่วยนิดนึงค่ะ โดยที่เราจะต้องสังเกตุสีผิวของเราว่าอันเดอร์โทนของเราคืออะไร เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกลิปทินท์ที่เหมาะสมกับเราค่ะ
การรู้จักสีผิวตัวเองจะช่วยให้การเลือกซื้อลิปง่ายขึ้น และการใช้ลิปที่มีเฉดสีเหมาะกับสีผิวตัวเองยังช่วยเพิ่มความสดใสให้ใบหน้า บาลานซ์และขับสีผิวของแต่ละคนให้ดูดีมีออร่ามากขึ้นอีกด้วย มาค่ะ เรามาเริ่มจากการสำรวจสีผิวของเรากันเลยดีกว่าค่ะ ซึ่งอันเดอร์โทนจะมี 3 ประเภทด้วยกันได้แก่ อุ่น (Warm Tone) เย็น (Cool Tone) และกลาง (Neutral Tone) โดยสามารถดูจากสีของเส้นเลือดที่ข้อมือในแสงธรรมชาติ เพื่อความถูกต้องและเเม่นยำค่ะ
อันเดอร์โทนอุ่น (Warm Undertone) : สาวที่มีผิวจัดอยู่ในโทนอุ่น สีเส้นเลือดที่ข้อมือจะออกเป็นสีเขียว นอกจากนี้ยังจะสังเกตุได้ว่าเครื่องประดับสีทองมักจะดูดีเมื่ออยู่บนตัวอีกด้วย ซึ่งส่วนมากสาวไทยจะมีอันเดอร์โทนแบบนี้กันค่ะ และสีลิปที่เหมาะกับผิวในโทนอุ่นก็คือ ลิปสีสว่างที่ดูอบอุ่น ดังนั้นเวลาเลือกลิปก็สามารถเลือกลิปที่มีเฉดสีแดงจัดหรือเฉดสีส้มได้เลยค่ะ ถ้ามีผิวที่ค่อนข้างขาว แนะนำให้เลือกใช้สีชมพูพีชหรือสีแซลม่อนค่ะ ถ้าสีผิวออกกลาง ๆ ต้องใช้สีพีชออกนู้ด และสำหรับผิวที่เข้มขึ้น สีเบอร์รี่หรือสีตระกูลไวน์จะช่วยเพิ่มออร่าให้กับผิวสุด ๆ ค่ะ
อันเดอร์โทนเย็น (Cool Undertone) : สาวที่มีผิวจัดอยู่ในโทนเย็น สีเส้นเลือดที่ข้อมือจะออกเป็นสีน้ำเงินหรือสีม่วง และเครื่องประดับสีเงินมักจะเหมาะกับสาวที่มีอันเดอร์โทนนี้ค่ะ สีลิปที่เหมาะกับผิวในโทนเย็นคือ ลิปที่มีติ่งสีน้ำเงินหรือสีม่วงผสมอยู่ ดังนั้นเวลาสาว ๆ เลือกลิปแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงเฉดสีแนวโทนส้ม แล้วหันไปเลือกลิปที่มีเฉดสีโทนแดงน้ำเงิน สำหรับสาว ๆ ที่มีผิวขาวในอันเดอร์โทนนี้ จะเข้าได้ดีกับสีชมพูกุหลาบและสีม่วงอ่อนที่มีอันเดอร์โทนสีน้ำเงินเล็กน้อยค่ะ แต่ถ้ามีสีผิวปานกลางจะเหมาะสีชมพูหม่นหรือสีบลัช ส่วนผิวที่เข้มขึ้นต้องสีแดงกุหลาบหรือสีพลัมที่มีติ่งสีน้ำเงิน จะทำให้ผิวดูเปล่งประกายมากขึ้นค่ะ
อันเดอร์โทนกลาง (Neutral Undertone) : สาวที่มีผิวจัดอยู่ในอันเดอร์โทนกลาง สีเส้นเลือดที่ข้อมือจะผสมกันระหว่างสีเขียวและสีน้ำเงินค่ะ นับว่าเป็นโชคดีของสาว ๆ ที่มีอันเดอร์โทนนี้ เพราะไม่ว่าจะสวมเครื่องประดับสีทองหรือสีเงินก็ดูดีทั้งคู่ค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้สีลิปได้เลยตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นโทนเย็นหรือโทนอุ่น ก็สามารถเอาอยู่ได้ทุกสีแน่นอนค่ะ
แต่ถ้าจะให้แนะนำสีที่เพิ่มออร่าและความโกลว์มากขึ้น คงต้องยกให้สีชมพูบลัชหรือสีม่วงอ่อนสำหรับผิวขาว สีน้ำตาลชมพูและสีพีชสำหรับสีผิวปานกลาง และสีที่แดงที่มีติ่งสีน้ำเงินหรือสีส้มแดงสำหรับสีผิวเข้มค่ะ นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ลองเลือกลิปสีโทนไวน์ อย่างเช่น สีม่วงพลัม หรือสีม่วงเชอรี่ เพราะนอกจากกจะดูดีกับสาว ๆ ที่มีอันเดอร์โทนนี้แล้ว ยังสามารถใช้ได้ทั้งลุคกลางวันและลุคกลางคืนด้วยค่ะ
…
คำแนะนำสำหรับมือใหม่ในการลงลิปทินท์
ก่อนที่เราจะทาลิปทินท์หรือลิปประเภทอื่นนั้น เราควรมีเบสที่ดีก่อน ซึ่งได้มาจากการบำรุงริมฝีปากให้ดีนั่นเองค่ะ เมื่อเราบำรุงดูแลริมฝีปากของเราอย่างดีแล้ว จะช่วยให้ริมฝีปากของเราเรียบเนียนและเต่งตึง ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ประเภทลิปนั้น ทำหน้าที่เพิ่มความสวยของริมฝีปากได้ดียิ่งขึ้น โดยจะสังเกตได้จากการที่เนื้อลิปสามารถเกาะติดกับริมฝีปากได้ดีและนานมากขึ้น เนื้อสีเรียบเนียนไปกับผิว โดยปราศจากการลอกและการเป็นคราบ ซึ่งวิธีการบำรุงริมฝีปากของเราให้สวยและพร้อมสำหรับการทาลิปมีวิธีการง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
สครับปาก : เริ่มต้นด้วยการสครับปากก่อนเลยค่ะ หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ผิวหนังริมฝีปากของเรานั้นไม่มีต่อมเหงื่อที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น เหมือนกับส่วนอื่น ๆ กับร่างกายของเรา จึงทำให้บริเวณริมฝีปากของเรานั้นแห้งและแตกได้ง่ายนั่นเอง เราจึงต้องสครับเพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่แห้งหรือตายแล้ว ให้หลุดออกจากริมฝีปากเราอยู่เป็นประจำค่ะ จะได้ช่วยเผยผิวที่เรียบเนียน ไม่เป็นขุย พร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป แนะนำว่าไม่ควรสครับทุกวันนะคะ แค่อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็พอค่ะ เพราะผิวริมฝีปากนั้นบางและ Sensitive มาก
มาส์กปาก : การมาส์กปาก ก็เป็นอีกวิธีที่เพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงอย่างล้ำลึกที่ง่ายและรวดเร็ว ทั้งยังมอบสารอาหารให้แก่ผิวหนังบริเวณปากได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้ผิวฟูและอวบอิ่มเหมือนดื่มน้ำเพียงพอในแต่ละวันเลยค่ะ โดยในท้องตลาดก็มีมาส์กหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามความสะดวกเลย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของครีม เจล หรือเซรั่มเข้มข้นค่ะ
ทาลิปบาล์ม : เพื่อปากที่อวบอิ่มมากขึ้น การบำรุงริมฝีปากด้วยการทาลิปบาล์มคือขึ้นตอนที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ เพราะนอกจากจะสะดวกและรวดเร็วแล้ว ยังเป็นการช่วยรีเฟรชริมฝีปาก และเพิ่มความชุ่มชื้นได้อย่างเร่งด่วนอีกด้วย ถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ควรทำก่อนการทาลิปทินท์และผลิตภัณฑ์ลิปอื่น ๆ ทุกครั้งนะคะ
……
วิธีทาลิปทินท์แบบ Gradient
ถ้าพูดถึงลิปทินท์แล้ว ก็ต้องนึกถึงวิธีทาปากแบบไล่ระดับสีหรือ Gradient Lips ใช่ไหมคะ ซึ่งลักษณะของการทาปากแบบนี้คือ การสร้างริมฝีปากให้ดูสุขภาพดีมีสีระเรื่อ โดยไล่ความเข้มของสีจากข้างใน และอ่อนลงมาเรื่อย ๆ สู่ข้างนอก ความพิเศษของวิธีการนี้คือ จะส่งเสริมให้บุคลิกผู้ทาดูอ่อนโยน มีความเป็นสาวหวาน ทั้งยังทำให้ดูอ่อนเยาว์ สดใสมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
และด้วยพลังความติดทน บวกกับการให้ลุคที่ดูสดใสและเป็นธรรมชาติ จึงทำให้ลิปทินท์เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มาก ๆ ในการสร้างริมฝีปากที่น่าจุ๊บสไตล์ Gradient Lips นั่นเอง และถ้าใครอยากสร้างลุคปากดังกล่าว เราก็มีทริคและวิธีการที่เรียบง่าย ไม่มากขั้นตอนมาฝากกันด้วย ซึ่งมือใหม่ที่พึ่งหัดแต่งหน้าสามารถทำตามได้แน่นอนค่ะ
1. ใช้คอนซีลเลอร์กลบสีปากเดิม : หลังจากบำรุงริมฝีปากให้พร้อมสำหรับการทาลิปแล้ว เรามาต่อกันที่การทาคอนซีลเลอร์ที่ริมฝีปากกันต่อเลยค่ะ เพราะเราต้องการแค่ให้สีบริเวณรอบริมฝีปากสว่างขึ้น 1-2 ระดับ ไม่ต้องการให้ริมฝีปากมีสีเดียวกันกับใบหน้า (ซึ่งขั้นตอนนี้สามารถเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้นะคะ
แต่การใช้คอนซีลเลอร์จะช่วยให้สีลิปดูโดดเด่นขึ้นค่ะ) โดยเริ่มจากบีบคอนซีลเลอร์บนหลังมือเล็กน้อย จากนั้นใช้นิ้วแต้มขึ้นแตะให้ทั่วริมฝีปาก เกลี่ยให้ทั่ว ให้สม่ำเสมอ สำหรับมือใหม่แนะนำให้เกลี่ยให้บางที่สุด แล้วเช็กดูจนมั่นใจว่า เนื้อคอนซีลเลอร์ได้กลบทั่วบริเวณรอบริมฝีปากดีแล้ว และรอให้คอนซีลเลอร์เซ็ตตัวสักพัก หรือจะใช้แป้งฝุ่นมาช่วยก็ได้นะคะ
2. ลงลิปทินท์ที่ต้องการใช้ทาไล่ระดับ : ก่อนแต้มสีสันบนริมฝีปาก อย่าลืมเลือกสีลิปที่เข้ากันได้ดีกับสีผิวของเรานะคะ และเราจะเริ่มลงลิปที่ด้านในตรงช่วงกลางของปาก ระหว่างริมฝีปากบนและริมฝีปากล่างค่ะ ที่สำคัญพยายามอย่าเม้มปากนะคะ เพราะอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ไม่เซ็ตตัว และเปื้อนฟันได้ ถ้าใช้ลิปทินท์เนื้อน้ำ ต้องรีบทำตามขั้นตอนต่อไปทันทีนะคะ
3. เกลี่ยสีลิปออกด้านนอก : หลังจากลงลิปตามตำแหน่งข้างต้นแล้ว ก็เริ่มเกลี่ยไล่ระดับสีได้เลย สามารถใช้นิ้วเกลี่ยเพื่อความสะดวกรวดเร็ว หรือจะใช้คัตตอนบัดหรือแปรงมาช่วยเกลี่ย เพื่อความเนียนสวยเหมือนมือโปรก็ได้ค่ะ โดยเริ่มเกลี่ยจากขอบสีลิปทินท์ที่ทาไว้ตรงกลางปาก ด้วยการถูเบา ๆ จากซ้ายไปขวา กลับไปกลับมา เกลี่ยไปมาให้สุดจนถึงขอบปากเพื่อความเป็นธรรมชาติ ถ้าหากสีตรงกลางยังไม่เข้มพอ สามารถเติมเพิ่มได้ค่ะ
4. ลงลิปกลอสหรือลิปทินท์ที่มีความฉ่ำวาวทับ : การทาไล่ระดับสีจะดูดียิ่งขึ้นหากใช้ลิปกลอส หรือลิปทินท์ที่มีความฉ่ำวาว ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเจลหรือเนื้อออยล์ ลงทับเป็นขั้นตอนสุดท้ายค่ะ นอกจากจะช่วยให้ปากดูอวบอิ่ม สุขภาพดี ยังช่วยให้สีลิปที่ทาไล่ระดับเกาะริมฝีปากได้นานขึ้นอีกด้วย หากต้องการทาลิปบาล์มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นระหว่างวัน ให้ใช้วิธีการแต้มลิปบาล์มบนริมฝีปากเบา ๆ แล้วประกบปากลง ไม่จำเป็นต้องเม้มปากไปมาซ้ายขวาเพื่อกระจายเนื้อลิปบาล์มนะคะ
.
สุดท้ายแล้วส่งท้ายกันด้วย
ลิปทินท์นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยแต่งแต้มสีสัน และทำให้เราดูมีสุขภาพดีและชีวิตชีวาได้อย่างง่าย ๆ แต่เหนือสิ่งอื่นได้เราควรให้ความสำคัญกับการบำรุงดูแลริมฝีปากด้วยนะคะ เพราะพื้นฐานที่ดีสามารถทำให้ภาพรวมออกมาดูดีไม่มีที่ติยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเลือกสีลิปทินท์ให้เหมาะสมเข้ากับสีผิวของเราก็เป็นส่วนสำคัญ โดยอย่าลืมนำวิธีการข้างต้นไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเรานะคะ เพราะจะช่วยทำให้เรามั่นใจได้ว่า ริมฝีปากของเรานั้นสวย น่ามอง รับเข้ากับใบหน้าและการแต่งตัวของเราในแต่ละวัน ถ้าได้เจอสีที่ใช่และเหมาะสม เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงลุคของเราให้ดูดีมีอะไรมากขึ้นได้อย่างแน่นอน
แล้วอย่าลืมว่าการติดทนนานของลิปทินท์นั้น อาจจะมีส่วนช่วยมาจากส่วนผสมบางอย่าง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวบริเวณริมฝีปากระคายเคืองหรือแพ้ได้ในบางคน ฉะนั้นใครที่มีผิวที่ค่อนข้างแพ้ง่ายหรือไม่ถูกกับส่วนผสมบางอย่างในเครื่องสำอาง ควรศึกษาและทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์ที่เราต้องการให้ดีก่อน เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการแพ้นั่นเอง และที่สำคัญที่สุด เมื่อหมดวันแล้วเราควรทำความสะอาดคราบลิปทินท์ให้หมดจด ด้วย Make Up Cleanser ที่อ่อนโยนต่อผิวนะคะ เพื่อสุขอนามัยและสุขภาพริมฝีปากที่ดีค่ะ